รีวิว dahmer
สวัสดีครับหากพูดถึงเหตุคดีฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างจากเรื่องจริงของ ซีรี่ย์สยองขวัญ คดีฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด คนไทยๆอย่างเราคงน้อยนักที่จะรู้จัก แต่สำหรับชาวต่างชาติก็คงจะนึกถึง Jeffrey Dahmer เป็นแน่ เพราะเขาได้ก่อ สปอยซีรี่ย์ สิ่งที่ทำให้คนหวาดกลัว ดูหนังออนไลน์ มาถึงทุกวันนี้ นั้นกลายเป็นแนวบอกเล่าปัญหาสังคมอเมริกาที่คนดำถูกละเลยจนทำให้เกิด ดูหนังฟรี ความโหดร้ายนี้ขึ้น แต่โดยรวมก็เป็นซีรีส์ที่ทำได้ดี ลงลึกในรายละเอียดของความจริงกับปัญหาที่เกิดขึ้นรอบด้าน กึ่ง ๆ เป็นเหมือนสารคดีไปด้วยในตัว อาจจะเล่าเนิบ ๆ เก็บรายละเอียดมากหน่อย มีจำนวนตอนเยอะถึง 10 ตอน เป็นเรื่องเล่าทั้งของตัวฆาตกรกับเหยื่อ และ คนที่เกี่ยวข้องแยกตอน แต่ก็มีความน่าสนใจทำให้ติดตามดูได้ไม่น่าเบื่อนัก โดยการหยิบจับเรื่องราวของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) มาทำเป็นซีรีส์คราวนี้ย่อมต้องไม่ธรรมดา และ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องราวของดาห์เมอร์ถูกบอกเล่าบนจอ แต่เชื่อเถอะว่าซีรีส์ฉบับนี้มีความน่าสนใจอยู่ในน้อยเลยทีเดียว เรื่องราวของเขาเป็นข่าวดังไปทั่วโลกในยุค 90 จากวีรกรรมความโหดร้ายด้วยการสังหารเหยื่อ 17 ราย และ กินเนื้อมุษย์ ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็รูปลักษณ์ภายนอกของ Jeffrey Dahmer ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกถึงความวิปริตที่ซ่อนอยู่ข้างในเลยแม้แต่นิดเดียว
เรื่องราวความโหดเหี้ยมของ Jeffrey Dahmer กลายเป็นที่สนใจของนักอาชญวิทยา และ กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เขาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต และ หลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้เพียง 2 ปี Jeffrey Dahmer ถูกฆาตกรรมด้วยการใช้ไม้ยาว 3 ฟุตแทงเข้าไปที่ทวารหนัก และ ฟาดด้วยลูกเหล็กออกกำลังกายจนตาย โดยเรื่องราวของเขาถูกถ่ายทอดเป็นหนัง และ ซีรีส์อยู่หลายครั้ง สำหรับ dahmer ปล่อยตัวออกมาแล้ว 1 ซีซั่น 10 ตอน ตอนละ 46-54 นาที ความยาวหนังซีรีส์ตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมง กำกับโดยผู้กำกับ Ian Brennan, Ryan Murphy. With Evan Peters, Khetphet Phagnasay, Michael Learned, Karen Malina White และ นำแสดงโดยอีแวน ปีเตอร์ส นักแสดงชายผู้ชนะรางวัล Primetime Emmy Award สามารถรับชมได้แล้วทางช่อง Netflix
รีวิว dahmer
รีวิว dahmer ลิมิเต็ดซีรีส์ Netflix 10 ตอนจบ มีพากย์ไทย เรื่องราวของ เจฟฟรี่ย์ ดาห์เมอร์ (รับบทโดยอีวาน ปีเตอร์ส) ฆาตกรต่อเนื่องคร่าชีวิตเหยื่อผู้บริสุทธิ์จำนวน 17 รายอย่างน่าสยดสยองโดยการฆ่าแล้วกินเนื้อพวกเขา ในช่วงตั้งแต่ปี 1978 ถึง 1991 ซีรีส์เรื่องนี้จะตีแผ่อาชญากรรมสุดโหดเหี้ยมเหล่านี้
โดยเน้นเรื่องราวของเหยื่อ และ ชุมชนที่ถูกมองข้าม ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเหยียดสีผิวที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และ ความล้มเหลวของสถาบันตำรวจที่ปล่อยให้ฆาตกรต่อเนื่องชื่อกระฉ่อนที่สุดคนหนึ่งในอเมริกาลงมือก่อเหตุฆาตกรรมไม่หยุดหย่อนได้อย่างลอยนวลตลอดช่วงเวลากว่า 10 ปี
ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของคดีฆาตกรต่อเนื่องฉายามนุษย์กินคนของอเมริกาที่โด่งดังที่สุด
ในปี ค.ศ.1991 ตำรวจสองคนได้เข้าไปตรวจสอบอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ของชายหนุ่มชื่อ Jeffrey Dahmer และ พบภาพน่าหวาดผวา ชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ และ ศีรษะถูกแช่อยู่ในตู้เย็น รูปโพลารอยด์ที่ไม่น่าดูอีกจำนวนมาก
ทำให้ Dahmer ถูกจับกุมในทันที และ เขารับสารภาพในภายหลังว่าเขาฆ่าคนไปอย่างน้อย 17 คน เหยื่อส่วนใหญ่ของเขาล้วนเป็นเกย์ และ เขาลงมือทำต่อเนื่องมากว่า 13 ปีแล้ว คำถามคือทำไมฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ถึงอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้
สร้างจากเหตุการณ์จริงมาสู่มินิซีรีส์ Dahmer – Monster: The Jeffrey Dahmer Story ที่มีผู้สร้าง เป็น Ryan Murphy และ Ian Brennan และ ได้ Evan Peters มารับบทเป็น Jeffrey Dahmer
ซึ่งเขาพูดถึงมินิซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้ว่า ถึงแม้ว่าชื่อเรื่องจะเป็น The Jeffrey Dahmer Story ก็จริง แต่ในซีรีส์ไม่ได้เล่าเรื่องของ Dahmer อย่างเดียว แต่เล่าถึงสังคม ระบบที่ล้มเหลว และ สิ่งที่ทำให้ Dahmer ลอยนวลอยู่ได้นาน เพราะเหตุผลของการเหยียดเชื้อชาติ และ การเหยียดเพศ
เรื่องย่อ
เล่าเรื่องราวของเจฟฟ์ เจฟฟีย์ ดาห์เมอร์ ฆาตกรต่อเนื่องของประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องราวในซีรีส์เริ่มจากตอนที่เขากำลังก่อคดีสุดท้ายก่อนที่จะผิดพลาด และ โดนตำรวจ dahmer พากย์ ไทย จับตัวไว้ได้ เป็นการปูเรื่องราวที่เริ่มจากคำให้การของเขา ซึ่งเป็นฆาตกรที่สารภาพทุกอย่างที่ทำลงไป มีบัตรประชาชนของเหยื่อที่เขาเก็บสะสมไว้ครบ
เรื่องราวในคดีนี้จึงไม่ได้มีคนตกหล่นสูญหายไปไหน และ เป็นการเริ่มเรื่องย้อนกลับไปยังอดีตตอนเด็ก สำรวจว่าอะไรทำไมเขาจึงกลายมาเป็นฆาตกรได้ ซึ่งตัวอีวาน ปีเตอร์ส เล่นเองทั้งหมดตั้งแต่เด็กมัธยมจนถึงวัยทำงาน (ยกเว้นแค่ตอนประถมที่ใช้นักแสดงเด็กสั้น ๆ ) ก็อาจจะดูแปลก ๆ นิดหน่อยที่นักแสดงโตกว่าวัยเรียนมาก แต่ก็หยวน ๆ พอมองข้ามได้ เพราะเรื่องต้องการให้เห็นพัฒนาการชีวิตของเขา
ซึ่งรวม ๆ คือครอบครัวขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่อยู่ดูแลลูก จนนำไปสู่การตัดสินใจชีวิตที่ผิดพลาด แล้วก็กลายเป็นจุดเริ่มของการฆาตกรรมจากไม่ตั้งใจ กลายมาเป็นรสนิยมฆ่าเหยื่อแล้วกินที่เขาเองห้ามตัวเองไม่ได้
ความรู้สึกหลังรับชม
ซีรีส์จะตัดสลับเหตุการณ์โดยเริ่มจากเหยื่อรายสุดท้าย dahmer ซับ ไทย ที่ทำให้ดาห์เมอร์ถูกจับกุมตัว และ มันจะย้อนกลับไปเล่าที่มาที่ไปของชีวิตฆาตกรต่อเนื่อง เริ่มจากชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไปจนถึงการเสพติดการชำแหละชิ้นส่วนร่างกายของหมูในคาบวิทยาศาสตร์สมัยเรียนมัธยมที่กลายเป็นบ่อเกิดของคดีฆาตกรรมกินเนื้อคน และ ทารุณกรรมทางเพศถึง 17 ศพ
ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่คือเด็กหนุ่มที่เป็นเกย์สร้างคดีสะเทือนขวัญตลอดระยะเวลาถึง 13 ปี
ซึ่งสำหรับเรื่องบทนอกจากต้องชมเมอร์ฟีย์ที่มาร่วมเขียนบทแล้ว เอียน เบรนแนน (Ian Brennan) มือเขียนบทขาประจำของเมอร์ฟีย์ก็ได้โชว์ความจัดเจนในการผสมผสานข้อมูลจริงกับเรื่องแต่งได้อย่างกลมกล่อม และ โดยเฉพาะการใช้คลิปเสียงการแจ้งความที่ทำให้เห็นความละหลวมของตำรวจก็ช่วยทำให้บรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจและชะตากรรมอันน่าสงสารของเหยื่อถูกเอามาวิพากษ์ในแง่ของความไร้ประสิทธิภาพของผู้บังคับใช้กฎหมายได้อย่างเห็นภาพอีกด้วย
และ สำหรับนักแสดงที่ต้องชื่นชมที่สุดคงหนีไม่พ้น อีแวน ปีเตอร์ส์ (Evan Peters) ที่สวมบทบาท เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ได้อย่างน่าขนลุกขนพอง โดยปีเตอร์ส์ได้ทำให้บุคลิกที่ดูเฉยชา และ ดูปกติของดาห์เมอร์ ฉายแววอำมหิตออกมาได้ทุกครั้งที่ปรากฎตัว
แต่ในขณะเดียวกันในซีนดราม่าเขาก็สามารถแสดงด้านที่เป็นมนุษย์มีอ่อนแอ มีเจ็บปวดของดาห์เมอร์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการเล่าเรื่องของ ‘Dahmer’ คงหนีไม่พ้นเทคนิคการเล่าเรื่องแบบ สโลว์เบิร์น (Slowburn) ซี่งเป็นการเล่าเรื่องที่เน้นเก็บรายละเอียดให้คนดูได้ซึมซับอารมณ์ และ มโนสำนึกของฆาตกรแบบแทบจะได้นั่งคุยไหล่ชนไหล่กับดาห์เมอร์เลยด้วยซ้ำ
บทหนังลึกถึงขั้นเจาะไปที่ชีวิตครอบครัวที่ก่อนตัวดาห์เมอร์จะเกิดเองเราก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของผู้เป็นแม่แล้ว และ ยังพาเราไปรู้จักวัยเด็กของดาห์เมอร์ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพพ่อลูกที่ผูกพันกันด้วยการชำแหละซากสัตว์
รีวิว dahmer
รีวิว dahmer หนังเล่าเรื่องราวละเอียดมาก ๆ สะท้อนความเป็นจริง dahmer imdb ของการเป็นเกย์ในสังคม และ สังคมของการเหยียดเพศที่ไม่ยอมรับเพศที่สามในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนั้น ที่เรามองเห็นความคิดทั้งในเลนมองของเหยื่อ และ ในมุมมองของฆาตกรเสมือนเรากำลังรับชมสารคดีกึ่งหนังในเรื่องรางของเจฟฟีย์ ดาห์เมอร์ ฆาตกรสุดโหดที่ฆ่าคนแล้วลอยนวลมาได้ถึง 13 ปีเลย
ในเรื่องการจัดแสง และ เงาค่อนข้างดี คุณภาพงานรูปในหนังซีรีส์ความอาร์ท ความงานศิลป์ ความสวยงามของภาพค่อนข้างลงตัวเลย หนังมันโทนนิ่ง และ เงียบมากเลย แต่สนุก การดำเนินเนื้อเรื่องมีเหตุมีผล รายละเอียดในเรื่องยิบย่อยมาก จนดูซ้ำอีกรอบก็เก็บไม่หมด การแสดงของนักแสดง อีแวน ปีเตอร์ส คือดี ดีมาก ๆ
แถมการทำงานในชั้นศาลของยุคสมัยนั้นก็ค่อนข้างหละหลวม มีการเสียดสีการทำงานของตำรวจที่ดำเนินการเรื่องราว ค่อนข้างช้า ช้าชนิดที่ว่ามีคนตายอยู่ตรงหน้าก็ไม่ส่งคนเข้ามา อีกทั้งสารคดีกึ่ง ๆ หนังเรื่องนี้ยังเปิดเผยมุมมอง และ ความคิดเห็นของเหยื่อ ความสูญเสีย และ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเหยื่อแบบชัดเจนไปเลยไม่ได้ wornship การกระทำของฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดเรื่องนี้แล้วข้ามประเด็นความรู้สึกของเหยื่อ และ ครอบครัวของเหยื่อเหมือนหนังซีรีส์เรื่องอื่น
ใครไม่ชอบการเล่าเรื่องแบบโทนหนังเงียบอาจจะเบื่อ ง่วงนอน และ อยากหลับได้
แบบที่ดูฉากนี้แล้วคนดูแบบผู้เขียนอึดอัดแทน จริง ๆ หนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้ก็เหมาะกับสาววายชายรักชายประมาณหนึ่งนะจะได้ตระหนักถึงสิทธิ์ และ ความเท่าเทียมของกลุ่มเพศทางเลือก และ คนที่มีความหลากหลายทางเพศด้วย โดยวางคาแรทเตอร์ตัวละครเป็นตัวละครที่หูหนวก และ ในมุมที่เจฟฟ์คุยกับพ่อแม่ของเขา ดูแล้วแอบสงสารชีวิตของฆาตกรต่อเนื่องคนนี้เลย
ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่ของเขาก็มีแต่เกย์ผิวสี ฉากที่ผู้เขียนชอบที่สุดคือฉากที่ชาวเกย์เจอกันใน Disco ก่อนที่เสียงเพลงจะตัดไปสู่ความเงียบ และ ผู้ชายสองคนคุยกันผ่าน Body Language แทนเหมือนเป็นการเสียดสีสังคมว่าความรักของเกย์เป็นเรื่องที่ไม่มีตัวตน และ ต้องทำตัวเงียบ ๆ ไร้เสียง และ ไม่ถูกยอมรับในสังคม
จนนำพามาสู่การฆาตกรรมต่อเนื่องภายใต้ระบบการทำงานที่ล้มเหลวของตำรวจแบบนี้
บทสรุป
นี่เป็นซีรีส์สร้างจากเรื่องจริงฆาตกรต่อเนื่องที่อาจจะผิดคาด dahmer netflix ผิดแนวกับคนที่ตั้งใจมาดูอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็เป็นซีรีส์ที่ทำได้ดี ลงลึกในรายละเอียดของความจริงกับปัญหาที่เกิดขึ้นรอบด้านครับ กึ่ง ๆ เป็นเหมือนสารคดีไปด้วยในตัว อาจจะเล่าเนิบ ๆ เก็บรายละเอียดมากหน่อย
แต่ก็มีความน่าสนใจทำให้ติดตามดูได้ไม่น่าเบื่อนัก ซีรีส์ยังสะท้อนให้เห็นความวิปริตของสังคม เพราะหลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำ Dahmer กลับกลายเป็นฮีโร่ของคนบางกลุ่ม และ หารายได้จากชื่อเสียงของตัวเอง แม้แต่พ่อของเขาก็หาประโยชน์จากสิ่งที่ลูกชายได้ก่อไว้ โดยไม่ได้สนใจความทุกข์ร้อนของครอบครัวเหยื่อที่ไม่อาจก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านี้ไปได้เลย
ที่เจ็บปวดก็คือในตอนท้ายเรื่อง ผู้สร้างตั้งใจดูเหมือนจะเน้นย้ำว่าแท้จริงแล้วผู้คนแทบไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้เลย