รีวิว detention อาถรรพ์โรงเรียนเลือด
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีซี่รี่ย์สยองขวัญอีกเรื่อง ซีรี่ย์สยองขวัญ ที่ถูกพูดถึงอย่างมากมายทาง Netflix ซี่รี่ส์สยองสัญชาติไต้หวันเรื่อง อาถรรพ์ สปอยซีรี่ย์ โรงเรียนเลือด หรืออีกชื่อก็ detention ที่กลิ่นอายหนังหลังดูตัวอย่างผมแอบคิดว่าเหมือนหนังไทย และส่วนมากคอเกมชาวไทยได้รับชมกันซะส่วนใหญ่แล้ว โดยซี่รี่ย์เรื่องนี้มีต้นแบบ ดูหนังออนไลน์ มาจากเกม Detention ของค่าย Red Candle ที่เคยสร้างความผวาให้กับเกมเมอร์ในปี 2017 ซีรีส์ไต้หวัน ดัดแปลงจาก ดูหนังฟรี เกมสยองขวัญในชื่อเดียวกัน เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว ก่อนจะกลายมาเป็นซีรีส์ล่าสุดนี้ ซึ่งจะฉายใน Netflix แบบอัพเดทสัปดาห์ละตอน ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ จะเป็นเรื่องราวของ ฟานรุ่ยซิง จากในยุค 1962 สำหรับในฉบับซีรีส์ จะเป็นการเล่าในยุค 1990s บอกเล่าเรื่องราวของ หลิวอวิ๋นเซียง ที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียนกรีนวูดแห่งเดียวกัน
สำหรับซี่รี่ส์ Detention จะปล่อยตอนใหม่ออกมาเป็นรายสัปดาห์ ยาวจนถึงช่วงสิ้นปี โดยจะมีจำนวนตอนทั้งหมด 8 ตอนด้วยกันซึ่งเนื้อเรื่องจะเล่าผ่านตัวนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ได้ค้นพบกับความลี้ลับสุดดำมืดที่โรงเรียนของเธอซ่อนอยู่ พร้อมเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ถาโถมเข้ามาพร้อมจะเอาชีวิตของเธอ
รีวิว detention อาถรรพ์โรงเรียนเลือด
รีวิว detention อาถรรพ์โรงเรียนเลือด จากเกมแก้ปริศนาแนวสยองขวัญสัญชาติไต้หวัน detention อาถรรพ์โรงเรียนเลือด พากย์ไทย ที่ลือชื่อของค่าย Red Candle Games ในปี 2017 ได้รับการกล่าวขวัญในแง่การเล่าเรื่องที่ซับซ้อน และ แหลมคม ในการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์เลือด White Terror ของไต้หวันในยุคต่อต้านเผด็จการ และ การล่าสังหารคอมมิวนิสต์ในช่วงทศวรรษ 1960 มาผสมผสานกับเนื้อหาชวนติดตามกับความลับของตัวละครที่แสนจะดราม่าสะเทือนอารมณ์
แถมยังเวียนวนอยู่กับความเชื่อ ผี ปีศาจที่หลอกหลอนไม่ให้เราได้หลุดพ้นไปจากฉากหลังที่เป็นอาคารร้างในโรงเรียนได้โดยง่าย
Detention มี Gameplay ที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเกมสยองในตำนานอย่าง Clock Tower อย่างมาก เรียกได้ว่าแทบจะลอกแบบกันมาเลยก็ว่าได้ แม้ตัวเกมจะไม่มีการสุ่มห้องต่าง ๆ แบบเดียวกันกับ Clock Tower แต่การวางปริศนา และ การใช้วิธีคิดเพื่อไขมันออกมานั้นก็ค่อนข้างชาญฉลาดทีเดียว
โดยเฉพาะปริศนานาฬิกาเลือดที่ไม่ใช่แค่ไขให้ตรงเท่านั้น ยังมีเรื่องของตำแหน่งรูปภาพเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย เรียกว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียว
และ นอกจากการที่ตัวเกม Detention ถูกนำไปดัดแปลงเป็นซี่รี่ส์ฉบับบคนแสดง ทางทีมผู้พัฒนาอย่าง Red Candle ยังออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่าสองเกมของพวกเขาทั้ง Detention และ Devotion ยังถูกบันทึกชื่อไว้ในหมวด “สื่อเอเชียตะวันออกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์” จากมหาวิทยาลัย Harvard อีกด้วย กลายเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จที่ทางค่ายเกมคุณภาพแบบนี้สมควรได้รับอย่างยิ่ง
เรียกได้ว่าเหมือนเป็นฟ้าหลังฝนหลังจากประเด็นร้อนที่ทางค่ายต้องเจอจากเหล่าแฟน ๆ เกมชาวจีนที่พากัน Review Bomb เกมใหม่ของพวกเขาอย่าง Devotion เนื่องจากภายในเกมมีภาพโปสเตอร์ว่าร้ายประธานาธิบดีของประเทศจีน จนเป็นเหตุให้ในตอนนั้น Devotion ถูกถอนจากร้านค้า Steam เป็นการชั่วคราว
เรื่องย่อ
Detention ดำเนินเรื่องราวในประเทศไต้หวันปี 1960 ในยุคที่ประเทศมีศึกสงครามระหว่างกลุ่มคอมมิวนิสต์จากแผ่นดินใหญ่ และ ไต้หวันที่ต่อเนื่องยาวนานมาหลายปี มีการประกาศกฎอัยการศึกจัดการผู้เห็นต่างอย่างโหดเหี้ยม นำพาไปสู่เหตุการณ์สยองมากมาย ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Wei Chung Ting และ Fang Rei Shin ที่ต้องติดอยู่ในโรงเรียน Greenwood เนื่องจากมีพายุใหญ่เข้ามาตัดเส้นทางสัญจรจนไม่สามารถกลับบ้านได้
จนกระทั่งเกิดอะไรบางอย่างขึ้นทำให้ Wei ตายไปโดยที่ Rey ไม่ทราบสาเหตุ การเดินทางรอบโรงเรียนผีสิงเพื่อค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเริ่มต้นขึ้น
ความรู้สึกหลังรับชม
สำหรับใครที่เล่นเกมหรือดูหนังมา จะรู้สึกว่าตัวซีรีส์ อาถรรพ์โรงเรียนเลือด pantip มีการเล่าที่ดึงดูดน้อยกว่า ฮุกเข้าเรื่องช้ากว่า แต่กลับน่าสนใจในการแทรกรายละเอียดที่เราจะได้เห็นความเกี่ยวเนื่องกับตัวเอกในฉบับเกม และ หนังอยู่โดยตลอด ทั้งบ้านที่อวิ๋นเซียงย้ายมาอยู่น่าจะเป็นบ้านหลังเดิมของฟาง ขณะที่ทางเหวินเลี่ยงก็จะต้องดูแลลุงเว่ยที่ดูไม่ปกติมีอาการสั่นกลัวตลอดเวลา
นอกจากนี้ภูมิหลังเรื่องครอบครัวของอวิ๋นเซียงก็ยังละม้ายกับฟางมาก และ เหตุการณ์ครูหนุ่มหัวทันสมัยก็ยังชูกลิ่นของรักสามเส้าในชั้นเรียนอีกครั้งด้วย
และ สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมดูหนังมาก่อน ซีรีส์นี้ก็ค่อย ๆ หยอดปมสงสัยให้ผู้ชมอยู่เรื่อย ๆ จัดได้ว่าเป็นแนวดราม่าสยองขวัญที่เนิบ ๆ หน่อย อาจจะถูกโฉลกคอหนังที่ชอบรายละเอียด และ การแตกแขนงเส้นเรื่องความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในขณะที่สายหวือหวาผาดโผนน่าจะยังไม่โดนเท่าใดนัก เพราะผียังทำงานไม่ค่อยหนัก
แถมดูทรงที่เรื่องปูมาในตอนที่ 2 ก็พอจับเค้าลางได้ว่าอาจจะพลิกไปเล่าเรื่องในแบบพวกละครน้ำเน่าความสัมพันธ์ตัวละคร มากกว่าการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อย่างเดิม
หากดูผิวเผินเราจะเห็นว่า Detention ใช้พลอตเรื่องที่มีอยู่ค่อนข้างโหล และ ใช้กันจนเกร่อในตลาดหนังผีฝั่งเอเชีย ทั้งตัวเอกหญิง เรื่องลึกลับในโรงเรียน และ อื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็ต้องบอกว่าจุดหักมุม และ การดำเนินเรื่องของเกมนี้นั้นเรียกว่าไม่ธรรมดาเลย ตัวเกมค่อย ๆ เฉลยปมที่ถูกซ่อนเอาไว้ในจิตใจของตัวละครออกมาเรื่อย ๆ และ สอดแทรกประเด็นทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงในไต้หวันยุคของเจียงไคเช็คที่มีการปราบปรามผู้เห็นต่างในช่วงนั้นอย่างเข้มข้น
ผนวกรวมกับความเชื่อทางศาสนาพุทธ และ ลัทธิเต๋าได้อย่างลงตัว ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นฝั่งเอเชียในบ้านเรานั้น “อิน” กับเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก
เรียกว่าดึงกลิ่นของเนื้อหาออริจินอลมาใช้ต่อยอดเป็นเสมือนภาคต่อ ที่มีการยั่วล้อคล้ายคลึงของเดิมราวกับเหตุการณ์จะกลับมาซ้ำรอยกรรมอีกครั้งร่ำไป ซึ่งก็น่าสนใจอยู่สำหรับแฟนเดิม แม้ว่ากันตามตรงว่าความสนุกมันยังไม่ค่อยโดนใจนัก เพราะเนื้อหาต้องยืด และ ปูให้เป็นซีรีส์ยาว และ ยังไม่เปิดโอกาสให้ซีจีหนัก ๆ ทำงานนัก แต่เท่าที่ใช้แบบง่าย ๆ และ โผล่มาแค่ไม่กี่นาทีใน 2 ตอนนี้ก็ได้บรรยากาศหลอนเอาการเหมือนกัน น่าเสียดายว่าผีตัวหลักนั้นยังไม่ค่อยน่ากลัวมากเท่าไร
รีวิว detention อาถรรพ์โรงเรียนเลือด
รีวิว detention อาถรรพ์โรงเรียนเลือด สิ่งที่ผู้เขียนให้ความสำคัญมากที่สุดในเกมแนวสยอง Detention ซี รี่ ย์ ขวัญก็คือการนำเสนอ เพราะถ้าหากนำเสนอได้ไม่ดีก็จะทำให้ความน่ากลัวที่เป็นจุดเด่นที่สุดของเกมลดลงไปหลายเท่า ซึ่ง Detention ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จัดเต็มในเรื่องของการนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ในเกมได้อย่างน่ากลัวแบบสุด ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแกะเอาบรรยากาศของโรงเรียนอันเป็นเวทีหลักของเกม ที่เหมือนกับถูกแกะออกมาจากโรงเรียนยุคเก่าที่มีอยู่จริงได้ยอดเยี่ยมมาก ชวนให้ผู้เขียนคิดถึงโรงเรียนประถมในสมัยเด็กขึ้นมาเลย
ความดีในการเล่าเรื่องที่ดั่งนิยายดี ๆ หรือหนังดี ๆ เรื่องหนึ่ง จึงไม่พ้นที่สุดท้ายมันก็ได้รับการตีความเป็นฉบับหนังโรงจนได้ในปี 2019 ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมในการดัดแปลงวิธีการเล่าเรื่องให้เหมาะสมขึ้นได้ ทั้งยังรักษาความดีของเรื่องเล่าในเกมได้อย่างครบถ้วน และ ในปีนี้เน็ตฟลิกซ์ก็ได้รับไม้ต่อในการพัฒนาฉบับซีรีส์ของ Detention
ความน่าสนใจคือตัวซีรีส์ก็มีวิธีการเล่าที่ฉีกออกไปได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
อีกด้านหนึ่ง Detention พาเราย้อนกลับไปในยุค 1960 จะบอกเล่าเรื่องราวของ Fang Ray Shin เด็กนักเรียนความจำเสื่อมที่ติดอยู่ในโรงเรียนร้างแถมยังเต็มไปด้วยปริศนา และ เหตุการณ์แปลก ๆ มากมายที่ทำให้เธอต้องพยายามเอาตัวรอดออกมาให้ได้
ตลอดเกมก็จะมีการไขปริศนาไปทีละนิด ๆ ทำให้เรารู้ว่าเบื้องหลังของ Fang อาจจะไม่สวยงามอย่างที่คิด
หากเล่าอย่างรวบรัดถึงความต่าง โดยพิจารณาจาก 2 ตอนแรกของซีรีส์ ที่เห็นได้ชัดคือตัวซีรีส์ได้เปลี่ยนตัวละครนำที่แทนสายตาผู้ชมจากเดิมในฉบับเกม และ หนังจะเป็น นักเรียนในยุค 1960 อย่าง ฟาง และ เว่ย ที่ตื่นขึ้นมาในโรงเรียนที่กลายสภาพเป็นอาคารร้าง และ สิ่งแปลกประหลาดราวกับมิติสยองขวัญใน Silent Hill ซึ่งต้องหาทางแก้ปริศนาเพื่อออกจากโรงเรียนให้ได้
ในขณะเดียวกันก็จะได้รับรู้อดีตที่หายไปจากความทรงจำของทั้งคู่และ คำเฉลยที่กระชากอารมณ์ผู้ชม
บทสรุป
แต่กระนั้นการเปรียบเปรยที่ซีรีส์ใช้ในการเล่า Detention Pantip ว่าการศึกษาในยุคใหม่ ที่ยังกรอบจำกัด และ ริดรอนอิสระทางการเติบโตอย่างสร้างสรรค์ของเด็ก ด้วยวิธีคิดแบบผู้ใหญ่ที่รักในอำนาจ และ เรียกร้องความเคารพยำเกรงด้วยการข่มขู่ ก็ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เด็กที่รู้สึกต้องการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นนักเรียนเลวอยู่ทุกยุคสมัย และ ก็อาจเป็นอีกครั้ง และ อีกครั้งที่ผู้ใหญ่อาศัยอำนาจในมือทำการริดรอนใบอ่อนทางความคิดของเยาวชนที่กำลังแตกช่อชูสวยงามลง
ถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับผู้เขียนที่เคยประกาศตัวว่าตายด้านกับเกมสยองขวัญไปแล้ว แต่สำหรับเกมจากฝั่งผู้พัฒนาชาวเอเชียอย่าง Detention ที่ออกวางจำหน่ายมานานแล้วนั้นพิเศษกว่าเกมอื่น ๆ ตรงที่หยิบยื่นการนำเสนอที่ผู้เล่นชาวเอเชียคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ให้บรรยากาศที่สยองจนขนหัวลุก ซึ่งบางครั้งก็เป็นการถอนรากถอนโคนริดรอนชีวิตของเหล่านักเรียนเลวเหล่านั้นลงด้วย และ ด้วยความคุ้นเคยดังกล่าวนี้ก็ทำให้เกิดความสยองที่น่าประทับใจขึ้นมาได้ไม่ยาก
โดยส่วนตัวผมขอยกให้ Detention เป็นเกมผีที่มีเนื้อเรื่องดีมากเกมหนึ่ง เพราะมันสามารถผนวกรวมเหตุการณ์จริง ความเชื่อทางศาสนา หลอมรวมกับช่วงเวลาชีวิตในวัยเรียนได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวที่เรียบง่ายแต่ลึกล้ำ แสดงให้เราเห็นถึงห้วงความคิดของวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่วุ่นวายได้เป็นอย่างดี
นำพาไปสู่ฉากจบที่คาดไม่ถึงได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว