รีวิว glitch
หากพูดถึงซีรี่ย์คุณภาพ ? เชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็คงจะนึกถึง ซีรี่ย์แนะนำ ซี่รี่ย์ สัญชาติเกาหลี ที่มีหนังดี ๆ หลากหลายแนวออกมามากมายไม่เว้นเลย สปอยซีรี่ย์ สำหรับเรื่องนี้ก็ซี่รี่ย์คุณภาพอีกเรื่องเช่นกันเรื่อง glitch ที่จะพาคนดูไปเปิดประตู สู่ต่างดาวไปกับ Glitch ซีรีส์ไซไฟทริลเลอร์เรื่องใหม่ ดูหนังออนไลน์ ล่าสุดที่มาจาก Netflix ที่ได้สองนางเอกต่างขั้วอย่าง ดูหนังฟรี จอนยอบิน และ นานะ มาร่วมกันแท็กทีมพาไปไขปริศนาลึกลับแห่งจักรวาลอันกว้างไกล พิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ ยูเอฟโอหน้าตาเป็นแบบไหน เตรียมขนมขบเคี้ยวให้พร้อมแล้วไปพบกับความสนุกแบบน็อนสต็อปกันได้เลย
ชื่อเรื่อง : Glitch | 글리치
จำนวนตอน : 10 ตอน
วันที่เริ่มออกอากาศ :7 ตุลาคม 2565
แนว : ระทึกขวัญ | ลึกลับ | คอมเมดี้ | ไซไฟ
ช่องทางการออกอากาศ : Netflix (พร้อมซับไทย)
ผู้กำกับ : โนด็อก (ผลงานก่อนหน้า กำกับซีรีส์ SF8 : Maxin)
คนเขียนบท : จินฮันแซ (ผลงานก่อนหน้า เขียนบทซีรีส์ Extracurricular)
รีวิว glitch
รีวิว glitch ซีรีส์แนวไซไฟทริลเลอร์ความยาว 10 ตอน glitch สนุกไหม หนึ่งในออริจินอลคอนเทนต์จาก Netflix คุมบังเหียนการผลิตโดย ผู้กำกับโรด็อก หญิงเก่งที่เคยผ่านงานแนวเดียวกันมาก่อนอย่าง SF8: Manxin (2020) จับมือทำงานร่วมกับ นักเขียนจินฮันแซ
เจ้าของบทซีรีส์อาชญากรรมวัยรุ่น Extracurricular (2020) ที่เคยได้รับเสียงชื่นชมเรื่องความแปลกแหวกแนวมาแล้วอย่างล้นหลาม มาถึงเรื่องนี้จะยังรักษามาตรฐานไว้ได้หรือไม่ มีประเด็นไหนน่าสนใจ สนุก และ น่าติดตามขนาดไหน ขออาสามารีวิวให้แบบจัดเต็ม
Glitch เปิดฉากเล่าเรื่องผ่าน ฮงจีฮโย (รับบทโดย จอนยอบิน) หญิงสาวที่ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ชนชั้นกลางทั่วไป เธอทำงานในบริษัทออกแบบครบวงจรด้วยความสามารถที่โดดเด่น มีเงินทองจับจ่ายใช้สอยอย่างไม่ขัดสน ทั้งยังมีคนรักที่คบกันยาวนานกว่าสี่ปี และ มีท่าทีว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันในเร็ววัน
แต่ถึงกระนั้นฮงจีฮโยกลับขาดความสุขเพราะมีบางอย่างคอยจู่โจมอยู่เป็นระยะ วันดีคืนดีเธอมองเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ต่างดาวด้วยตาเปล่า ข้าวของเครื่องใช้ถูกคลื่นแม่เหล็กรบกวนจนพังเสียหาย ซ้ำร้ายแฟนหนุ่มของเธอยังหายตัวไปอย่างลึกลับ
ฮงจีฮโยติดตามเบาะแสจนพบกับสัญลักษณ์ประหลาดจึงเชื่อว่าคนรักถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว เธอเริ่มค้นหาข้อมูลตามด้วยการขอความช่วยเหลือจากชมรมศึกษายูเอฟโอ และ สิ่งลึกลับในจักรวาล ณ ที่แห่งนั้นฮงจีฮโยได้พบผู้คนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันรวมทั้ง ฮอโบรา (รับบทโดย นานะ) หญิงสาวบุคลิกเก๋ไก๋ผู้เคยเป็นเพื่อนสนิทในอดีต
ทั้งหมดจึงร่วมมือกันคลำทางไขปริศนาจนนำพาไปสู่การเผชิญหน้ากับองค์กรลึกลับอันน่าสะพรึงกลัว ขณะเดียวกันฮงจีฮโยยังได้ปะติดปะต่อความทรงจำในอดีต ก่อนจะพบว่าตัวเธอเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกมากกว่าที่ใครคาดคิด
เรื่องย่อ/เนื้อหา
ซีรีส์แนวไซไฟสัญชาติเกาหลีที่จะพาผู้ชมไปพบเจอกับความลับของ UFO โดยจะติดตามเรื่องราวของ ฮงจีฮโย (รับบทโดย จอนยอบิน) หญิงสาววัยกลางคนที่มีปัญหาคือเธอมักจะมองเห็นเอเลี่ยนทว่ามีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็น เธอจึงตั้งคำถามเรื่องการมีอยู่ของเอเลี่ยน
ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังลังเลว่าสรุปเธอเห็นจริง ๆ หรือว่าเธอมีปัญหาทางจิต ในขณะที่เธอกำลังสับสนกับชีวิต จู่ ๆ แฟนหนุ่มของเธอก็หายตัวไปอย่างปริศนา ซึ่งเธอก็คิดว่าเอาจเป็นเพราะ UFO นำตัวเขาไป เธอจึงได้ขอความช่วยเหลือจากสมาชิกชมรม UFO เพื่อไขปริศนา และ ตามหาความจริง
ทว่าทุกอย่างก็เริ่มเลยเถิดจนเธอได้เข้าไปพัวพันกับพวกลัทธิประหลาด สุดท้ายแล้วเรื่องทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร และ เธอจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Glitch (2022) มีทั้งหมด 10 ตอน รับชมได้แล้วตอนนี้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix
ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ
Glitch ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมบันเทิง Glitch meaning ของเอเชียด้วยพล็อตแบบใหม่แบบสับ เจ๋งพอจะเชื้อเชิญคนดูให้ปูเสื่อเกาะติดหน้าจอโดยไม่ต้องพยายามมาก แง้มประตูเปิดเรื่องก็ทุบหัวอย่างแรงด้วยประเด็นที่เราคุ้นเคยกันดีเมื่อพูดถึงความลับของจักรวาลอย่าง การถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมแต่ผ่านการบ่ม และ ขัดเกลาก่อนใช้วิธีการเล่าในมุมที่ทันสมัย
กลายเป็นไซไฟที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากมาย ย่อยง่าย ซ้ำยังไม่ลืมเติมแต่งกลิ่นอายดราม่าครอบครัวสไตล์เกาหลี ที่สำคัญยังสร้างความประหลาดใจแบบที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะไปสุดได้ขนาดนี้ เมื่อซีรีส์พาเราเดินทางไปไกลกว่าการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว
อันที่จริงเรื่องราวลี้ลับของจักรวาลล้วนเป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครหาข้อสรุปได้ การหยิบประเด็นเหล่านี้มาถ่ายทอดให้เป็นละครจึงนับเป็นงานหินมากอยู่แล้ว ทว่าซีรีส์ยังแตกกิ่งก้านสาขาไปสู่มิติอื่นเพื่อขายดราม่าได้อย่างเฉียบคม ตลอดทางเราได้พบกับองค์กรที่เติบโตขึ้นจากการกลืนกินศรัทธาของเหล่าสาวก
กระทั่งเกิดลัทธิลึกลับที่มีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจ ใช้คำสอนทางศาสนาตีแผ่มโนธรรม และ ศีลธรรม อำนาจมืดที่มอมเมาผู้คนจนเลยเถิดไปสู่การฆาตกรรม และ สังหารหมู่ รวมทั้งพาเราดำดิ่งสู่ก้นบึ้งในจิตใจของมนุษย์ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน คนรัก และ สมาชิกในครอบครัว งานชิ้นนี้จึงเป็นไซไฟที่ตั้งใจมาขายความแปลกแบบเต็มสูบ แถมยังทำสำเร็จเสียด้วย
นอกจากจะเล่าเรื่องนามธรรมให้เข้าใจง่ายแล้ว การใช้ประเด็นมนุษย์ต่างดาวเป็นตัวชูโรงเพื่อนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา และ ลัทธิ ยังเป็นการเดินหมากที่พาคนดูไปพบกับเซอร์ไพรส์แบบไม่เว้นวรรค แม้ช่วงสามตอนแรกจะเสียเวลาไปกับการปูเรื่องเล่าปูมหลังตัวละครนานไปสักหน่อย
แต่เมื่อเครื่องร้อนแล้วจึงวิ่งฉิวแบบไม่มีสะดุด พีคแล้วพีคอีกชนิดไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เลย แถมยังปั่นหัวให้เราสับสนว่าอะไรจริงอะไรเท็จ เล่นกับความไว้เนื้อเชื่อใจจนถึงนาทีสุดท้าย ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของคนดูที่ต้องรับแรงกระแทกเหล่านี้ให้ไหว ส่วนซีรีส์จะนำเสนอเรื่องมนุษย์ต่างดาวออกมารูปแบบใด คงต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง
แม้การออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวละครจะดูไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร ทว่าโชคดีที่ได้นักแสดงยอดฝีมือมาโอบอุ้มให้เรามองข้ามความน่าหงุดหงิดเล็กน้อยไปได้ จอนยอบิน และ นานะ ถือเป็นตัวเดินเรื่องที่ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย ชวนเราเพลิดเพลินไปกับการกระทำของพวกเขาโดยไร้ข้อกังขา เสริมทัพด้วยนักแสดงสมทบที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอีกหลายชีวิตไม่ว่าจะเป็น รยูคยองซู, อีดงฮวี, แบคจูฮี, คิมนัมฮี และ คิมมยองกอน ทุกคนใส่พลังแบบเต็มแมกซ์ ชื่อชั้นการันตีว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
รีวิว glitch
รีวิว glitch ซีรีส์เรื่องนี้มีดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก glitch พากย์ไทย ตอนอ่านเรื่องย่อตอนแรกคิดว่าจะเป็นแนวไซไฟจ๋า ๆ และ ไปโฟกัสกับยูเอฟโอ แต่กลายเป็นว่าซีรีส์ฉลาดเลือกมาก ๆ เพราะมีการมุงเน้นไปที่พวกลัทธิประหลาดที่ออกหากินกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ด้วย ซึ่งนับเป็นจุดที่ผมชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ดูจะน่าเสียดายไปหน่อยก็คงจะเป็นเรื่องการปูเรื่องที่ไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ เรื่องมันดำเนินไปเรื่อย ๆ แบบไม่ค่อยมีแก่นสาร น้ำเยอะเกินไปหน่อย
ส่วนตัวมองว่าถ้าทำตอนสั้นกว่านี้ และ เน้นดำเนินเรื่องหลัก ๆ แบบเข้มข้นคงจะสนุกกว่านี้เยอะ อันนี้ยังมีการผสมคอมเมดี้ไปเยอะเลยมีหลายอย่างไม่สมเหตุสมผลทำให้ไม่ค่อยอินเท่าที่ควร เวลาตัวละครหลักไปสืบอะไรก็ดูง่าย และ เอาตัวรอดได้ตลอด ถ้าหากเป็นเรื่องจริงคือไม่น่าจะรอดตั้งนานแล้ว ถ้าซีรีส์มาแบบจริงจังเข้ม ๆ คงจะสนุกกว่านี้
อย่างที่บอกว่ามีหลายจุดไม่สมเหตุสมผล และ ก็การตัดสินใจของตัวละครบางครั้งก็น่าหงุดหงิด และ ดูงี่เง่า โดยเฉพาะตัวละครหลัก 2 ตัวนี่แหละ ดูตัดสินใจแต่ละทีมีแต่ทางเลือกประหลาด ๆ และมั่นใจตัวเองมากเกินไปจนน่าหมั่นไส้
ส่วนตัวมองว่าไอความไม่สมเหตุสมผลนี้แหละที่อาจทำให้หลายคนเทซีรีส์เรื่องนี้ และ ไม่ได้ดูต่อจนจบ (ผมเองก็เกือบเทเหมือนกัน) แต่ที่ไม่เทเพราะความสงสัยที่อยากรู้ว่ามันจะจบยังไง และ เอเลี่ยนมีจริงหรือป่าว รวมถึงมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจอยู่หลายจุดเลยจัดสินใจดูต่อจนจบ
อีกอย่างที่คิดว่าหลายคนคงไม่ชอบก็น่าจะเป็นพวกตัวละครในลัทธิที่ดูเบาปัญญาเกินจริง ทว่าผมมองว่ามันปกติเพราะคนที่งมงาย และ มีความเชื่อกับอะไรซักอย่าง ก็มักจะหาข้ออ้างมาหลอกตัวเอง และ ไร้เหตุผลแบบนี้แหละ อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายส่วนที่ทำได้ดี ทั้งเรื่องมิตรภาพระหว่างนางเอก และ เพื่อน รวมถึงการออกแบบตัวละครที่ทำได้ค่อนข้างดี เช่น นางเอกที่ความสับสนในตัวเองที่อยากรู้ว่าสรุปมีเอเลี่ยนจริงหรือว่าเธอเป็นบ้า
บทสรุป
สำหรับบทสรุปของเรื่องนี้นับว่าทำออกมาได้ดี Glitch hub และเคลียร์เอามาก ๆ ตอนจบได้ตอบคำถามที่เราสงสัยได้อย่างหมดจดในทุกประเด็น ต่อมาขอพูดถึงด้านการแสดงในส่วนนี้ก็นับว่าธรรมดาทั่วไปนะ ไม่ได้ตราตรึงใจหรือน่าจดจำอะไร ด้วยความที่บทมันทีเล่นทีจริง จะจริงจังก็ไปไม่สุด ชอบมาติดตลกกันตลอด มันเลยทำให้ซีรีส์หาโทนของตัวเองไม่เจอ พอถึงฉากจริงจังที่ตัวละครต้องแสดงอารมณ์ออกมามันก็ทำให้ผมไม่ค่อยอินไปซะแล้ว
ส่วนสุดท้ายคือด้านงานสร้าง ส่วนนี้นับว่าทำได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานซีรีส์ Netflix ทั้งการถ่ายทำ โทนสีภาพ งาน CGI ทุกอย่างออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก สรุปโดยรวมเลยคือเป็นซีรีส์ไซไฟที่เขียนบทมาดี และ ละเอียด แต่ก็ยังมีความไม่สมจริงผสมอยู่บ้างเพื่อความบันเทิง นับเป็นซีรีส์ไซไฟที่เข้าถึงง่าย และ ดูได้ทุกคน ถึงอย่างนั้นก็อย่าเชื่อที่ผมรีวิว อยากให้ทุกคนไปลองดูด้วยตัวเองมากกว่า เพราะรสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน
ภาพรวมของ Glitch จึงถือเป็นซีรีส์ที่สอบผ่านเรื่องความแปลกแหวกแนวของเนื้อเรื่อง แม้ไม่ใช่ละครวิทยาศาสตร์ฟอร์มยักษ์ชนิดสำรวจอวกาศแบบ The Silent Sea (2021) แต่มีสิ่งที่อยากเห็นอยู่ครบถ้วน แนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวกลั่นกรองออกมาไม่หลุดไปจากจินตนาการของผู้คนส่วนใหญ่มากนัก
ถือเป็นการนำเสนอภายใต้กรอบไซไฟที่เข้าถึงง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ต้องตีความมากมายให้ปวดหัว สอดแทรกมิติเกี่ยวกับลัทธิ และ ความเชื่อเข้ามาอย่างกลมกล่อม ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบคอมเมดี้จึงไม่ทำให้มู้ดแอนด์โทนของเรื่องน่าเบื่อชวนหาว ทั้งยังได้สองนักแสดงสาวมาเป็นตัวชูโรงเพิ่มความตื่นเต้นน่าติดตามมากขึ้นไปอีก แม้จะไม่ใช่งานที่สนุกแบบตะโกนแต่ยังอยู่บนมาตรฐาน รับประกันว่าไม่เสียเวลาเปล่าแน่นอน