รีวิว man vs bee
ซีรี่ย์แนะนำ เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคงคงจำภาพชายหนุ่มสุดฮาใส่สูททำตัวบ้าๆบอๆได้ ใช่แล้วนั้นแหละเขาตำนานนักแสดงตลกอย่าง โรวัน แอตคินสัน กลับมาเรียกเสียงฮาจากพวกเราอีกครั้งกับดาราเจ้าบทบาทอย่าง โรวัน แอตคินสัน (Rowan Atkinson) หรือที่เราจำเขามาในภาพลักษณ์ของ มิสเตอร์บีน (Mr.Bean) ที่มาในคราวนี้มากับซีรีส์เรื่องใหม่ใน Netflix อย่างเรื่อง Man Vs Bee การันตีความฮาในฉบับของพ่อหนุ่มต๋องมิสเตอร์บีน แฝงความเจ้าเล่ห์แบบจอนห์นี่ อิงลิช กลายเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ที่ทำเอคนดูต้องเอ็นดูในความพยายามสู้กับ ผึ้ง ตัวเดียว
สปอยซีรี่ย์ ซีรีส์เบาสมองที่ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ แต่ส่วนตัวก็เชียร์ให้ดู เพราะมันสั้นๆ แปบๆ จบ แล้วก็เป็นซีรีส์ที่มีความแปลกแตกต่างจากปกติใน Netflix มากมาย ยิ่งแฟนมิสเตอร์บีนนี่ยังไงก็ต้องดู ห้ามพลาดเลย แม้จะรู้สึกหงุดหงิดกับความงี่เง่าเกินเบอร์ของตัวละครอยู่ก็ตาม แต่ก็มีเรื่องราวสาระดีๆ แฝงอยู่ในเรื่องด้วยเช่นกันครับ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
รีวิว man vs bee
รีวิว man vs bee ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ตอนละ 20 นาที แบบดูยาว ๆ 9 ตอนจบ ที่สามารถดูเพลิน ๆ ไหล ๆ แป๊บเดียวก็จบแล้ว จุดสนใจของเรื่องนี้อยู่ตรงเป็นผลงานที่ห่างหายหน้าจอไปนานของ โรแวน แอตคินสัน (Rowan Atkinson) ที่โด่งดังจากการสวมบท มิสเตอร์บีน (Mr. Bean) ตัวละครตลกท่าทางเล่นหน้าตายอดนิยมจนเป็นไอคอนในระดับโลก ซึ่งผลงานหลัง ๆ ที่เราพอจำได้คือต้องย้อนไปถึงหนังเรื่อง ‘Johnny English Strikes Again’ (2018) กันเลยทีเดียว
และสำหรับโปรเจกต์หวนคืนครั้งนี้เขาจึงเข้าคู่กับมือเขียนบท วิล เดวีส์ (Will Davies) ซึ่งเคยเขียนบทให้แอตคินสันได้หลุดพ้นจากการเป็นคุณบีนมาเป็นสายลับจอห์นนีถึง 3 ภาคมาแล้ว โดยมอบหมายให้ผู้กำกับ เดวิด เคอร์ (David Kerr) ที่ร่วมงานกันใน ‘Johnny English Strikes Again’ มาทำหน้าที่คุมการเล่าเรื่อง
เหมือนว่าโจทย์ของทีมสร้างคือต้องใช้จุดเด่นในการเล่นตลกแบบแอตคินสัน แต่ต้องสลัดภาพของมิสเตอร์บีนให้ได้ด้วย บทสรุปจึงออกมาที่การสร้างตัวละครใหม่ที่ชื่อ เทรเวอร์ ชายซื่อ ๆ ที่ล้มเหลวในการเป็นผู้นำครอบครัว แต่ได้โอกาสในการกอบกู้ศรัทธาของภรรยาและลูกสาวคืนมา ด้วยการหางานใหม่เป็นผู้รับดูแลเฝ้าบ้านหรูที่ต้องทำหน้าที่ครั้งแรกให้ลุล่วงให้ได้ มันจึงมีสิ่งที่ต่างจากบุคลิกของพวกขี้แพ้แบบไม่มีแต้มต่อที่สร้างความมั่นใจแปลก ๆ อย่างในมิสเตอร์บีนที่ดวงแข็งทำอะไรพลาดก็กลายเป็นดี หรือสายลับจอห์นนีที่มีอุปกรณ์สายลับไฮเทคกับการพกดวงมาแบบสุด ๆ และทำให้เทรเวอร์ยอดมนุษย์ดวงซวยนี้เป็นตัวละครใหม่ ๆ ที่แอตคินสันจะได้ลองนำเสนอดู
และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือการจะต้องดึงความโดดเด่นในการใช้ท่าทางเล่าเรื่องแทนคำพูดของแอตคินสันออกมา ก็ทำให้ทีมสร้างคิดสถานการณ์ประหลาดที่คนกับสัตว์ (ในที่นี้คือผึ้งกับน้องหมา) ต้องมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เมื่อไม่มีคนอื่นให้ต้องสนทนาด้วยมากนัก พลังการแสดงของแอตคินสันก็จะเฉิดฉายได้เต็ม ๆ ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ทีมสร้างคิดมาได้ฉลาดทีเดียว ที่จะช่วยหนีข้อครหาว่าย่ำเท้าอยู่ในบทบาทเดิม ๆ ของแอตคินสันเอง
เรื่องย่อ/เนื้อหา
Man vs Bee เป็นเรื่องราวของ เทรเวอร์ (นำแสดงโดย โรวัน แอตคินสัน) คุณพ่อแสนน่ารักจอมซื่อ (บื้อ) ที่มักจะก่อปัญหาทำให้ต้องเปลี่ยนงานครั้งแล้วครั้งเล่า จนงานล่าทุกที่เทรเวอร์ได้รับ นั่นก็คือการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ลูกเจ้าของคฤหาสน์สุดหรู เต็มไปด้วยงานศิลปะ รถหรู มูลค่ารวมกว่าหลายล้านดอลลาร์
แต่เรื่องดูจะไม่จบแค่นั้น เมื่อเทรเวอร์ ได้เจอกับศัตรู ที่จะเป็นคู่กัดของเขาตลอดกาลอย่าง ผึ้ง ใช่แล้วแมลงตัวนี้นี่แหละที่คอยตามให้พระเอกของเรารำคาญใจไปซะทุกที่ งานนี้เห็นทีเทรเวอร์ของเราจะยอมไม่ได้ จึงจัดมาทุกวิถีทางเพื่อกำจัดศัตรูตัวร้ายของเขาจนบ้านทั้งหลังกลายเป็นสนามรบย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ man vs bee เต็มเรื่อง
Man Vs Bee (2022) รายการทีวีคอมเมดี้จากอังกฤษ ผลงานการสร้างของ วิลเลียม เดวีส์ และ โรแวน แอตคินสัน ที่พ่วงตำแหน่งนักแสดงนำของเรื่อง สามารถติดตามการต่อสู้สุดฮาของ 2 เผ่าพันธุ์ระหว่าง คน และ ผึ้ง ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
พล็อตหนังเรียบง่ายแต่โครตฮา
จุดที่ดีคือแม้จะมีพลอตที่ไม่ซับซ้อนอะไรมากแต่หนังก็สร้างความสงสัยให้คนดูอยากติดตามด้วย โดยเปิดเรื่องจากฉากในศาลที่ทำให้เห็นว่าเทรเวอร์กำลังเผชิญชะตากรรมลำบากในฐานะจำเลย จนชวนให้สงสัยว่าเขาไปทำอะไรร้ายแรงมา แล้วจึงค่อย ๆ ย้อนหลังเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ดูมีลีลาการเล่าเรื่องมากขึ้น
ซีรีส์แนวนี้จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ตรงที่จะประเคนสถานการณ์ใส่ตัวละครได้มากขนาดไหน ถี่ขนาดไหน และดูยุ่งยากขนาดไหน ยิ่งวอดวายมากเท่าใด เรื่องราวก็ยิ่งสนุกขึ้นเท่านั้น และทีมสร้างก็ทำในจุดนี้ได้ดีช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันในเรื่อง ตัวละครต้องเจอสารพัดความวายป่วงแบบไม่เว้นว่างกันเลยทีเดียว
ทว่าจุดที่น่าเสียดายคือถึงปริมาณจะมาก แต่คุณภาพของมุกหรือสถานการณ์ที่ใส่เข้ามาก็ต้องดีด้วยถึงจะสมบูรณ์แบบ ต้องยอมรับว่าแม้มุกส่วนใหญ่จะเล่นกับข้าวของไฮเทคที่อยู่ในบ้านหรูเป็นหลัก เพื่อให้เทรเวอร์ที่เป็นคนยุคบูมเมอร์ที่ไม่ถนัดเทคโนโลยีแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ว่าสุดท้ายเนื้อในของมุกก็ยังเป็นมุกแบบคลาสสิกเดิม ๆ ประมาณแมวกัดกับหนูเช่นใน ‘Tom and Jerry’ ซึ่งแค่เปิดแต่ละมุกมาก็พอเดาผลลัพธ์กันได้แล้ว มันเลยขาดความรู้สึกเกินคาดซึ่งเป็นสูตรสำเร็จหนึ่งในศิลปะการสร้างอารมณ์ขัน man vs bee พากย์ไทย
รีวิว จุดสังเกตของซีรี่ย์ man vs bee
รีวิว man vs bee ปัญหาอีกอย่างที่เราไม่ค่อยรู้สึกกับผลงานก่อนหน้าของแอตคินสัน คือความอยากเอาใจช่วยที่หดหายไปมาก ตัวละครอย่างเทรเวอร์เข้าข่ายสร้างปัญหาให้ตัวเอง หรือจะบอกเรื่องราวมันแย่ก็เพราะความโง่ไม่รอบคอบของเขาเองมากเสียกว่าว่าโชคชะตากลั่นแกล้งอย่างที่เกิดในมิสเตอร์บีน เทียบกันคือระหว่างคนที่วิ่งเข้าไปเก็บหมวกที่ปลิวไปในอาคารแล้วดันเกิดไฟไหม้พอดี เราก็อยากเอาใจช่วยมากกว่าคนที่เห็นไฟไหม้แล้ววิ่งเข้าใส่เองเพราะดูน่าสนุกอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอะไรที่คล้ายกันและทำให้เข้าใจง่ายว่าทำไมเรารักมิสเตอร์บีน แต่อาจไม่รู้สึกชอบเทรเวอร์เท่าไหร่นัก
และจากจุดนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นผึ้ง (Bee) ที่เป็นคู่ปรับกับแอตคินสันในครั้งนี้ ถ้ามองว่าเขากำลังสู้รบปรบมือกับภาพจำที่ก้าวไม่พ้นสักที มันก็อาจเป็นการเล่นคำว่าเขากำลังสู้กับนายบีน (Bean) ที่เสียงคล้ายกันอยู่ก็ได้
หากมองข้ามเรื่องของการเป็นซีรีส์ตลกที่ถือว่าทำได้ผ่านมาตรฐานแต่อาจไม่ได้น่าประทับใจนักไป แล้วมองไปที่แอตคินสันเป็นศูนย์กลาง ซีรีส์เรื่องนี้ก็เหมือนการเปลือยความรู้สึกของเขาในวันที่ความนิยมหรือทักษะของเขาอาจไปไม่ทันกับโลกยุคใหม่เสียแล้ว เร็ว ๆ นี้เขาเพิ่งบ่นว่าการเล่นตลกในยุคนี้มันยากเพราะทุกอย่างเป็นประเด็นอ่อนไหวแตะต้องไม่ได้ ไปหมด ถึงเราจะเห็นด้วยกับเรื่องความเท่าเทียมความหลากหลายต่าง ๆ แต่ในมุมของวงการตลกก็ต้องยอมรับว่าไอ้การล้อเลียนหรืออาจเข้าขั้นเหยียดด้วยนั้นมันคือสูตรสำเร็จของความขำขันในภาษาสากล ตลกบางคนยังต้องหันไปล้อเลียนตัวเองแทนทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกเท่าที่ล้อคนอื่นแต่ก็เห็นได้บ่อยครั้งในยุคนี้
อีกทั้งสื่อยุคนี้ก็รวดเร็วฉาบฉวยขึ้นคนไม่อยากดูรายการตลกยาว ๆ เป็นครึ่งชั่วโมงแล้วในเมื่อคลิปสั้น ๆ ในติ๊กต็อกมันก็ฮาได้แล้ว ตอนที่ดูซีรีส์นี้ก็มีคำถามเหมือนกันว่ามันตัดรวมเป็นหนังยาวเรื่องหนึ่งได้เลยนะทำไมต้องมาหั่นหลายต่อนขนาดนี้ แต่พอมองในแง่ที่ว่าคนดูฉาบฉวยขึ้นและถูกล่อลวงด้วยจำนวนตอนสั้น ๆ หลายตอนได้ดีกว่าหนังยาวเต็มเรื่อง มันก็เหมือนทีมสร้างเขาทำมันแบบเย้ยหยันโลกความจริงของการรับชมของคนยุคใหม่อยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน
หนัง ‘Man vs. Bee’ ถ้ามองให้ลึกมันก็คือ ตลกยุคเก่า vs. โลกยุคใหม่ แอตคินสันที่ต้องสู้กับมุกตลกของคนรุ่นใหม่แบบ 9gag หรือมีมต่าง ๆ ก็ไม่ต่างกับเทรเวอร์ที่เจอกับบ้านไฮเทคแล้วไปไม่เป็นเหมือนกัน ถึงเขาจะมีประสบการณ์ดูแลบ้านตัวเองหลายสิบปีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มองในแง่นี้เราก็แอบเชียร์แอตคินสันให้โลดแล่นต่อไปยาว ๆ เหมือนกัน ในฐานะที่เขาเป็นศิลปินตลกอาชีพ ไม่ใช่แค่คนที่ตลกแล้วอยู่ในคลิป 10 ล้านวิวที่เป็นกระแสอยู่ไม่ถึงเดือนแค่นั้น Man Vs Bee ตอนที่ 1
บทสรุปซีรีย์สุดฮา
เนื้อเรื่องของ Man Vs Bee ถ้าจะให้เราคิดถึงจริง ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นการ์ตูนในตำนานอย่าง Tom and Jerry กับความวุ่นวายไม่รู้จบที่ต่างคนต่างงัดไม้เด็ดมาสู้กัน จนเกิดเป็นความฮา ให้เราเหล่าคนดูได้หัวเราะกันท้องแข็งนั่นเอง โดยตัวหนังจะแบ่งออกเป็น9 ตอนสั้น ๆ เวลารวมประมาณ 108 นาที
อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้นว่านี่คือสงครามระหว่าง คน และผึ้ง แล้วโดยเฉพาะคนอย่าง โรวัน แอตคินสัน ที่เคยสร้างความวายป่วงมาแล้วในทั้งมิสเตอร์บีน หรือแม้ในบทบาทชวนเครียด แต่ก็ยังต๋องได้อย่าง จอนห์นี อิงลิช ก็ยังสร้างความน่าปวดหัวมาแล้ว ดังนั้นในเรื่อง Man vs Bee ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนดูเรื่อง Man vs Bee ก้คือเรื่องนี้นั้น แม้จะเป็นซีรีส์ตลก คอมเมดี้ แต่ก็ยังมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง มีการทำลายข้าวของภายในบ้าน มีฉากเจ็บตัวอยู่เป็นระยะ ๆ ดังนั้นแล้วการปล่อยให้เด็ก ๆ ดูกันตามลำพังอาจไม่ใช้ความคิดที่นักถ้าอยากจะรักษาบ้านของคุณเอาไว้อะนะ 555
สำหรับคะแนนรีวิวหลังดูเรื่อง Man vs Bee ส่วนตัวแล้วผมชอบนักแสดงท่านนี้อยู๋แล้วขอให้ 9/10 คะแนน เลยหลาย ๆ คนอาจจะดูแล้วหงุดหงิดกับความบ้องตื้นของตัวพระเอกอย่าง เทรเวอร์ ที่ต้องทำอะไรเยอะแยะเพื่อกำจัดเจ้าผึ้งแค่ตัวเดียว แต่โดยส่วนตัวแอดมองว่านี่แหละคือเสน่ห์ของซีรีส์ไล่จับตามแบบที่เราเคยดูกันในตอนเด็ก ๆ อย่างเรื่อง Tom and Jerry
เอาจริง ๆ หนังเรื่องนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่อยากหาอะไรดูผ่อนคลาสมอง ดูไปแล้วยิ้มตาม เอ็นดูกับความคิดที่ซับซ้อนของตัวพระเอก และความแสนรู้ของน้องผึ้ง ที่งานนี้ CG ของผึ้งนั้นเนียนมาก เนียนจนนึกว่าใช้ผึ้งจริง ๆ มาถ่าย Man vs Bee Pantip