รีวิว move to heaven
สำหรับซีรี่ย์เรื่องนี้ ก็ต้องขอบอกว่าทำได้ดีมาก ๆ ในทั้งด้านการเล่าเรื่องบทตัวละคร ซีรี่ย์แนะนำ ต้องขอนับถถือผู้กำกับ Move to Heaven จริง ๆ ที่สามารถตีแผ่เรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ สปอยซีรี่ย์ ให้กลายมาเป็นซี่รี่ย์คุณภาพ ที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนัก ดูหนังออนไลน์ ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่ แปลกใหม่ และ น่าสนใจเอามาก ๆ สำหรับซีรี่ย์ ดูหนังฟรี เรื่องนี้ move to heaven ผลงานออริจินัลซีรีส์เกาหลีจาก Netflix ซึ่งเรื่องราวเล่าถึง ฮันกือรูคือเด็กหนุ่มผู้มีอาการแอสเพอร์เกอร์ เขาทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายกับฮันจองอูผู้เป็นพ่อทั้งยังเป็นเจ้าของบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุ “มูฟทูเฮฟเวน” (Move to Heaven) แต่แล้วกือรูต้องเหลือตัวคนเดียวในโลกใบนี้ หลังการจากไปอย่างกะทันหันของพ่อ ทำให้โจซังกู อาของเขาที่เพิ่งพ้นโทษจำคุกกลายมาเป็นผู้ปกครอง และ เป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งคู่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน
รีวิว move to heaven
รีวิว move to heaven ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจ move to heaven สนุกไหม มาจากหนังสือ 떠난후에남겨진것들 (Things Left Behind) ของ Kim Sae-byul เจ้าของบริษัท Bio Hazzard ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุที่ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย การฆาตกรรม หรือการเสียชีวิตตามลำพังก็ตามแต่
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคิมแซบยอลมักจะพบกับบ้านของผู้เสียชีวิตที่มีอาการทางจิตที่ป่วยเป็นโรคสะสมขยะ (Hoarding Disorder) โรคที่กำลังกลืนกินชาวเกาหลีอย่างช้า ๆ เป็นผลมาจากการถูกแยกออกจากสังคม เมื่อไม่สามารถทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัด และ เต็มไปด้วยความผิดหวังได้ คนเหล่านี้จึงหันมาเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งของ และ สัตว์แทน
เรื่องย่อ/เนื้อหา
เรื่องราวจะถูกร้อยเรียงโดย ฮันกือรู (รับบทโดย ทังจุนซัง) เด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ แต่กลับฉลาดเป็นกรดมองอะไรเพียงครั้งเดียวก็จำได้หมด แต่มีปัญหาในการเข้าสังคม และ เข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์ และ โจซังกู (รับบทโดย อีเจฮุน) อาของเขาที่เพิ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำ และ กลายมาเป็นผู้ปกครองของกือรูสด ๆ ร้อน ๆ หลังจากพี่ชายได้เสียชีวิตลงกะทันหัน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันสุดแสนจะประทับใจ และ ตราตรึงคนดู
อีกทั้งยังสามารถจำรายละเอียดสิ่งที่เขาเห็น และ ได้ยินมากกว่าคนอื่น ๆ ฮันกือรูอาศัยอยู่กับฮันจองอู (จีจินฮี) ผู้เป็นพ่อตามลำพังเพราะแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็ก สองพ่อลูกได้ดำเนินธุรกิจที่ชื่อ “Move to Heaven” ซึ่งงานนี้เป็นงานทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ โดยทั่วไปแล้วงานของพวกเขาคือการทำความสะอาดข้าวของของผู้เสียชีวิต และ เก็บของสำคัญบางอย่างใส่กล่องสีเหลืองแห่งความทรงจำเพื่อมอบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ฮันกือรู และ ฮันจองอูสามารถค้นหาความรู้สึก และ เรื่องราวของผู้เสียชีวิตผ่านสิ่งของเหล่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทำหน้าทำความสะอาดเพียงอย่างเดียวแต่ยังถ่ายทอดข้อความของผู้เสียชีวิตไปยังครอบครัวของพวกเขาหรือเรียกว่าส่งสาสน์ก่อนตายนั่นเอง ชีวิตของฮันกือรูดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งวันหนึ่งพบว่าฮันจองอูพ่อของเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย
ก่อนตายฮันจองอูได้ปรึกษากับโอฮยอนจาง (อิมวอนฮี) ผู้เป็นเพื่อน และ ทนายความ เพื่อยกสิทธิ์การดูแลฮันกือรูให้กับน้องชายของเขาที่ชื่อว่าโจซังกู (อีเจฮุน) ซึ่งเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากคุกในข้อหาพยายามฆ่า นอกจากนี้ฮันจองอูยังขอให้น้องชายของเขามาเป็นพนักงานใหม่ที่ Move to Heaven เพื่อช่วยเหลือฮันกือรู
ตามสัญญาที่ระบุไว้โจซังกูต้องทดลองเป็นผู้ปกครองของฮันกือรูเป็นเวลา 3 เดือน ถ้าเขาไม่ก่อปัญหาที่อาจเป็นอันตรายต่อฮันกือรูสิทธิของผู้ปกครองก็จะตกอยู่ในมือของเขาแบบเต็มตัว แม้ว่าในตอนแรกเขาจะปฏิเสธเพราะเขาเกลียดฮันจองอู แต่ในที่สุดโจซังกูก็ยอมรับเจตจำนงของพี่ชายหลังจากที่รู้ว่าเขาสามารถควบคุมทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของพี่ชายตัวเองได้ ฮันกือรู และ โจซังกูมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
เริ่มแรกพวกเขาเข้ากันไม่ได้ และ มักจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาสนิทกันมากขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ Move to Heaven ด้วยกัน นอกจากนี้โจซังกูก็เริ่มเข้าใจความคิดเห็นของฮันกือรู และ มักจะช่วยหลานชายของเขาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเสมอ
ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ
เอาจริง ๆ คือเริ่มดูเพราะว่านักแสดงนำของเรื่อง move to heaven ซีซั่น 2 เลยคือทังจุนซัง ที่เคยฝากฝีมือการแสดงไว้ในบทสหายทหารน้องเล็กจาก Crash Landing on You แต่พอได้มาดู ตั้งแต่ Episode แรกคือประทับใจมากทั้งตัวบท การเล่าเรื่อง การดำเนินเรื่อง โทนภาพ แสง สี สถานที่ต่าง ๆ ล้วนสร้างความประทับใจให้เหล่าคนดู แล้วบทของเรื่องนี้คือมีมิติ และ แปลกใหม่มาก
เป็นอาชีพที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้รู้ และ เข้าใจเกี่ยวกับอาชีพนี้มากขึ้น แต่การทำความสะอาดที่เกิดเหตุของผู้ตายของบริษัท Move to Heaven ไม่ใช่แค่ทำความสะอาดแล้วจบไป แต่ฮันกือรูยังพยายามอ่านที่เกิดเหตุจากสิ่งของ ๆ ผู้ตายเพื่อเข้าใจสิ่งที่ผู้ตายอยากสื่อเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย ดูแล้วฟีลกู้ด รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างแน่นอน
พร้อมย้อนมองถึงคนรอบตัว และ อยากที่จะให้ความสำคัญ และ คุณค่ากับเวลาให้มาก ๆ เพราะเมื่อผ่านไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ อีกทั้งเรายังได้เห็นความสัมพันธ์ของอาหลานที่สัมผัสได้ถึงความรัก ความอบอุ่น และ ความห่วงใยที่มีให้กัน เป็นอะไรที่น่ารักมาก ๆ เลย
ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องราวเพียงสั้น ๆ ในแต่ละเคส แต่กลับแฝงไปด้วยประเด็นทางสังคม และ แง่คิดต่างๆมากมายที่ถูกสอดแทรกเข้ามาได้อย่างเนียบเนียน ไม่ยัดเยียดไม่หวือหวาแต่กลับตราตรึงใจ ทั้งปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่ชีวิตต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนกระทั่งวันตายงานศพก็ยังเงียบเหงา ปัญหาการกดขี่ลูกจ้าง ปัญหาการปัดความรับผิดชอบของที่ทำงานในกรณีการได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน
ปัญหาการรับอุปถัมภ์เด็กไปต่างแดนแต่กลับทิ้งขว้างจนเด็กกลายเป็นคนไม่มีสัญชาติ กลายเป็นคนไม่มีที่ให้ยืนอย่างถูกต้องบนโลกใบนี้ ปัญหาความคิดของครอบครัวคนเกาหลีที่มีต่อความรักแบบชายรักชาย ปัญหาความรุนแรงของคู่รักในปัจจุบันที่ไม่ควรมองข้าม ผ่านการทำงานของบริษัท Move to heaven อาชีพที่ไม่เคยถูกหยิบมานำเสนอในซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนมาก่อน
อาชีพที่จะเข้าไปเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุให้เหมือนใหม่ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น และ รับฟังเรื่องราวที่หลงเหลือของผู้ที่จากไปผ่านสิ่งของที่เหลือเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย
มาดูกันที่องค์ประกอบอื่น ๆ กันบ้าง งานภาพของซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่าสุดปัง! เพราะภาพสวยมาก แสงสวยมาก สีสวยมาก!!! ภาพของทั้งเรื่องถูกย้อมสีให้ทุกฉากกลายเป็นสีโทนอุ่นที่สีสดมาก ๆ ซึ่งมันให้อารมณ์เหมือนเรากำลังดูซีรีส์ฝรั่ง เหมือนกำลังดูภาพยนตร์เรื่องนึงอะ แถมการเซ็ทให้มุมกล้องในเวลาการเก็บกวาดหรือการจัดของลงกล่องให้เป็นมุมกล้องแบบ Point of view (POV) ยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูมีอะไรมาก เพราะการใช้มุมกล้องแบบนี้มันเหมือนเรากำลังค่อย ๆ หยิบสิ่งของแต่ละอย่างของคนที่จากไปจัดลงกล่องด้วยตัวเองเลย
นอกจากนี้การแทรกภาพกราฟฟิคสวย ๆ เข้ามาประกอบให้คนดูเห็นภาพความคิดของฮันกือรูได้เข้าใจมากขึ้น ก็ถือเป็นกิมมิคอีกอย่างนึงของเรื่องที่! น่า! รัก! มาก! ชอบทุกฉากเลยที่มีภาพกราฟฟิคเด้งขึ้นมา
รีวิว move to heaven
รีวิว move to heaven ซีรีส์สัญชาติเกาหลี move to heaven ภาษาไทย เรื่องนี้เป็นผลงาน Netflix Original เล่าเรื่องครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ลูกชายคนเดียวของเขาป่วยเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ (Asperger) อาการที่เด่นชัดของโรคคือ มีปัญหาในการเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น รวมถึงไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่นคนทั่วไป
อีกหนึ่งความเก่งกาจของซีรีส์ Move To Heaven อยู่ตรงวิธีประสานเส้นเรื่องจากทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน คือทุกครั้งของการจัดการที่เกิดเหตุ คำพูดโดยคนตายที่ฉายผ่านสิ่งของในกล่องสีเหลือง หากไม่กระทบโครมใหญ่ ก็จะคดเคี้ยว และ เลี้ยววนกลับไปสู่ความคิด และ จิตใจของตัวละคร ซึ่งเรื่องเหล่านั้น ยังเป็นค้อนอันเล็กแต่ทรงพลัง ค่อย ๆ กะเทาะกำแพงหนาที่ขวางกั้นฮันกือรูกับโจซังกู คนแปลกหน้าที่กลายมาเป็นครอบครัวให้เข้ากันได้ดียิ่งขึ้น
Move To Heaven เป็นซีรีส์เล่าเรื่องคนตายแต่ไม่มีผี ด้วยเรต 18+ จึงอาจมีฉากสะกิดจิตใจ และ ต่อมน้ำตาเล็กน้อยถึงปานกลาง แนะนำให้สำรองทิชชูไว้ข้างตัว แต่เชื่อเถอะว่า เรื่องราวการเก็บกวาดทั้งสถานที่และ จิตใจให้คนตายของพวกเขา จะพาเราไปสู่ความคิด และ มุมมองต่อจุดสิ้นสุดของชีวิตที่ต่างไปจากเดิม
บทสรุป
นี่เป็นเพียงเกริ่นจากเราเอง move to heaven เรื่องย่อ เพราะไม่กล้าพิมเยอะกลัวจะสปอยไปมากกว่านี้ แต่ถ้าจะให้พูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ เรามองว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์น้ำดีของ Original Netflix ฝั่งเกาหลีเลยก็ว่าได้ เพราะเรื่องไม่ได้เล่าถึงแค่ความสัมพันธ์ของตัวพ่อกับลูก อากับหลาน หรือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของนามู เพื่อนข้างบ้านของกือรูที่คอยดูแลห่วงใยเขาไม่ห่าง
แต่ลงลึกไปถึงเคสต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องตามไปเก็บกวดที่เกิดเหตุรวมถึงความทรงจำของผู้เสียชีวิตเหล่านั้น ที่ฝากไว้ให้คนข้างหลัง เรียกได้ว่าซึ้ง และ ประทับใจเป็นอย่างมาก
รวมถึงในแต่ละอีพียังเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวมาเรื่อย ๆ ให้เราได้ดูกัน และ ในแต่ละตอน ก็จะมีนักแสดงรับเชิญที่มาสร้างความประทับใจให้เราเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ซูยอง SNSD และ อีแจอุค เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ควรค่าแก่การดูเป็นอย่างมาก