รีวิว school tales
ซีรี่ย์สยองขวัญ นี่คือซีรีย์ไทยที่ว่าด้วยเรื่องราวสยองขวัญ ที่เป็นตำนานไปทั่วประเทศไทย ตำนานความสยองที่บอกเล่ากันปากต่อปากในรั้วของโรงเรียน โดยหลังจากที่ปล่อยความสยองไปเพียงไม่นาน ก็ขึ้นอันดัง 1 บน Netflix เป้นที่เรียบร้อยกับ School Tales The Series โรงเรียนผีมีอยู่ว่า… ซีรีส์รวมเรื่องสยอง 8 เรื่องสั้น ที่ทำเอาคนดูในกระตุก ย้อนวันวานกลับสู่รั้วโรงเรียนที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 แต่จะเป้นอย่างไรเมื่อโรงเรียนไม่ใช่เซฟโซนเสมอไป เพราะทุกสถานที่ มีเรื่องเล่า วันนี้แอดจะมารีวิวซีรีส์ชวนหลอนเรื่องนี้กันแบบตอนต่อตอน หลอนขนาไหน ตามมาดูกัน
สปอยซีรี่ย์ ซีรีส์สยองขวัญเรื่องใหม่ที่สร้างจากคอมิกส์ดังทั้งหมด 8 เรื่อง 8 ตอน ที่มีแกนหลักเป็นเรื่องเล่าลึกลับในโรงเรียน ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นตำนานที่หลายคนอยากลองดีท้าพิสูจน์ ดัดแปลงจากการ์ตูนไทยที่ส่งเข้าประกวดช่วงที่หนัง ‘School Tales’ เข้าฉาย ผ่านทางเว็บไซต์ WeComics ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
รีวิว school tales
รีวิว school tales อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นโปรเจกต์ที่ต่อยอดและวนเวียนอยู่ระหว่างหนังค่ายไฟว์สตาร์ 2 เรื่อง คือ ‘School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า’ (2560) และ ‘เทอมสอง สยองขวัญ’ (2565) โดยด้านเนื้อหานั้นใช้การดัดแปลงจากการ์ตูนไทยที่ส่งเข้าประกวดช่วงที่หนัง ‘School Tales’ เข้าฉาย ผ่านทางเว็บไซต์ WeComics ส่วนด้านโปรดักชันก็เหมือนจะหยิบยืมวิธีคิดลำดับตอนกับใช้โลเกชันของหนังเทอมสอง ฯ มาเยอะทีเดียว ซึ่งบทวิจารณ์นี้ขอพูดในแง่การดัดแปลงจากต้นธารการ์ตูนมาทำซีรีส์เป็นหลัก
อนึ่งส่วนตัวเชื่อว่าหนังไทยยังหยิบยืมต้นธารทางวัฒนธรรมเจ๋ง ๆ ของบ้านเรามาใช้ยังไม่หมด โดยเฉพาะพวกงานการ์ตูนหรือมังงะสัญชาติไทยนั้นจัดว่าน่าต่อยอดหลายเรื่องทีเดียว หากแต่บ้านเราอาจให้ค่าน้อยกว่าพวกวรรณกรรมประเภทอื่น และสำหรับ ‘โรงเรียนผีมีอยู่ว่า’ นี้ก็มีหลายเรื่องที่ดัดแปลงมาได้ดีกว่าต้นฉบับ และหลายเรื่องส่วนตัวยังชอบตอนที่เป็นการ์ตูนมากกว่า
เรื่องย่อ
เป็นซีรีส์ชุดบนเน็ตฟลิกซ์ โดยเนื้อหาของเรื่องจะแบ่งเป็นตอนๆ แต่ละตอนคือเรื่องเล่าคนละเรื่อง และทั้ง 8 เรื่องนั้นสร้างจากการ์ตูนสยองขวัญ แม้เนื้อหาของแต่ละเรื่องจะเกิดกันบางช่วงเวลา แต่ใจความสำคัญคือเกิดขึ้นที่โรงเรียนทั้งหมด และผู้ขับเคลื่อนเรื่องราวชวนขนหัวลุกนี้ก็คือนักเรียน ครูอาจารย์ ก็ต้องยอมรับว่า…นอกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็โรงเรียนนี่แหละค่ะที่มักจะมีเรื่องเล่าแปลกๆ ชวนขนลุกเล่าต่อๆ กันมา โรงเรียนผีมีอยู่ว่าตอนที่ 1
การดำเนินเรื่อง
1. 7 โมงพิศวง
เล่าเรื่องห้องเรียนต้องสาปที่ทุก 7 โมงเช้าจะปรากฏชื่อวิชาเรียนขึ้นบนกระดานเรียนอย่างเป็นปริศนา และเมื่อถึงเวลา 8 โมงเช้าหากนักเรียนในห้องคนใดไม่เอาหนังสือวิชาเรียนตามนั้นมา จะถูกผีคุณครูทำให้หายตัวอย่างลึกลับโดยจะไม่มีใครจดจำว่าเคยมีเขาได้อีก ดังนั้นต้องมีเด็กสักคนมาแต่เช้าเพื่อบอกชื่อวิชาที่ถูกต้องให้เพื่อนคนอื่นเอาหนังสือเรียนเล่มนั้นมาด้วย
วิธีคิดของเรื่องนี้เป็นแบบสไตล์ลึกลับเหนือธรรมชาติผสมแนวเอาตัวรอดที่มังงะญี่ปุ่นจัดว่าเป็นโปรในแนวทางนี้ แต่จุดอ่อนของซีรีส์ตอนนี้มันอยู่ที่เอาปมปัญหาไปอยู่ตรงคนเสียสละมาดูกระดานแต่เช้า เพื่อเล่นกับเรื่องความเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบกันในสังคม ทว่ามันละเลยที่จะตอกย้ำภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกของพวกตัวละครไปอย่างน่าเสียดาย เราไม่เห็นว่าเหตุใดการเชื่อใจมอบหมายเด็กบ้านใกล้คนหนึ่งมาดูกระดานถึงเป็นทางออกเดียวของเรื่องนี้ ลองโทรถามนักการของโรงเรียนที่มาเปิดห้อง หรือติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องมาก่อนแล้วหรือยัง คือมันดูมีทางออกฉลาด ๆ อีกหลายทางก่อนที่จะมาจะเป็นจะตายกับคน ๆ เดียวเช่นในเรื่อง
2. แรงสาปแช่ง
เรื่องราวตำนานของกล่องคำสาปที่ถูกรุ่นพี่รุ่นก่อนซ่อนไว้ในโรงเรียน หากมีใครพบจะได้เรียนรู้วิธีสาปแช่งผู้อื่น เด็กหญิงคนหนึ่งบังเอิญได้ยินเสียงเรียกจนพบกล่องประหลาดในฝ้าเพดาน โดยภายในเขียนวิธีสาปแช่งไว้ว่าต้องเขียนชื่อคนที่เกลียดที่ฝ่าเท้าแล้วท่องคาถา จากนั้นความตายที่น่าสยดสยองจะไปเยือนคนผู้นั้น บังเอิญเหลือเกินเพราะเด็กหญิงกำลังมีปัญหาเจอมารหัวใจในเรื่องความรักอยู่พอดีแรงสาปแช่ง
แม้เป็นตอนที่เราเชื่อว่าผู้สร้างจะใช้ทักษะการแสดงที่ดีของ เจนนิษฐ์ BNK48 ได้อย่างที่ควรเป็น แต่ว่าในส่วนของบทที่ต้องเป็นผ้าใบให้นักแสดงวาดลวดลายนั้นกลับจืดชืดและเชยอย่างไม่น่าให้อภัย จากการ์ตูนที่เล่าความหวานขมของเด็กหญิงธรรมดา ๆ ที่อยากมีความรักจนเลือกถีบมารหัวใจให้ตกตึก เปิดเผยให้เห็นด้านมืดของจิตใจมนุษย์แบบไม่คาดฝัน มาสู่หนังที่เล่าเรื่องการสาปแช่งที่เหมือนเอามังงะ ‘Death Note’ เป็นแรงบันดาลใจ แถมปมความสัมพันธ์และการคลี่คลายก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ชวนตื่นเต้นเลย อันนี้แนะนำให้เชียร์นักแสดง แต่ถ้าจะเอารสชาติแนะนำอ่านการ์ตูนในเว็บไซต์จะดีกว่ามาก
3. สวย
เรื่องเกิดเพราะความอิจฉาดาวโรงเรียนที่ใคร ๆ ก็สนใจห้อมล้อมเอาใจ เด็กสาวหน้าตาบ้าน ๆ คนหนึ่งจึงพยายามหาวิธีทำให้ตัวเองสวยจนไปพบเว็บไซต์ลึกลับที่บอกวิธีทำให้สวยขึ้นทันที แต่ห้ามเอาเคล็ดลับนี้ไปบอกใครต่อ ไม่งั้นหัวจะหลุดจากบ่า
เป็นตอนที่ต้องเอาใจช่วยคนทำหนังล่ะนะ เพราะในฉบับการ์ตูนนั้นจัดว่าไม่เน้นเนื้อเรื่องอะไรมากเลยออกจะไปทางกาว ๆ เสียด้วย จัดเป็นหนังก็คือหนังคัลต์ คือที่มาที่ไปเอามั่วเลย แต่ด้านภาพที่เล่นกับความกลัวความหลอนนั้นทำได้น่าสนใจเป็นการต่อยอดวิธีคิดแบบพวกหนังซอมบี้กับมังงะ ‘โทมิเอะ’ ของอาจารย์อิโตะ จุนจิ ที่พูดเรื่องความสวยงามได้แปลกตาไปอีกแบบ
ดังนั้นแล้วสิ่งที่พบคือคนทำหนังแทบจะถอดรื้อโครงเรื่อง แล้วใส่จินตนาการตัวเองเข้าไปใหม่เลย ข้อดีคือเนื้อเรื่องดูแน่นเป็นแก่นสารขึ้น แต่ข้อเสียคือความหลอนกระชากในแง่ภาพนั้นมันเบาลง และผีที่ทีมสร้างเลือกมันคงจะดูแปลกตาดี ว้าวดี ถ้าไม่มีหนังและซีรีส์ทั้งไทยทั้งเทศเอามาใช้ในช่วงหลังจนไม่ค่อยตื่นตาไปเสียแล้ว แต่ตอนนี้ก็เป็นตอนหนึ่งที่คิดว่าเล่าเรื่องได้ดีที่สุดล่ะนะ และแนะนำว่าอย่าไปเสียเวลาอ่านฉบับการ์ตูนเลย
4. นิทานอีศพ
ห้องสมุดของโรงเรียนที่มีน้ำหยดลงมาจากฝ้า มีข่าวลือว่าด้านบนของห้องสมุดนี้ตรงกับห้องน้ำปิดตายที่เคยมีเด็กถูกกลั่นแกล้งจนฆ่าตัวตายเมื่อนานมาแล้ว และในห้องสมุดนี้ก็มีเสียงลือถึงหนังสือที่เด็กคนนั้นเคยเขียนระบายความแค้นซุกซ่อนเอาไว้ในชั้นหนังสือใดชั้นหนังสือหนึ่งด้วย
เป็นตอนที่ฉบับการ์ตูนนั้นจั่วหัวและสร้างความสนใจใคร่รู้ได้ดีกว่ามาก ๆ เมื่อเด็กหญิงไปพบครูบรรณารักษ์แขวนคอตายอยู่กลางห้องสมุด ก่อนจะเล่นเลยเถิดไปทางตลกร้ายจนมู้ดของเรื่องแกว่งไปมาและจบได้กระท่อนกระแท่น ในขณะที่ตัวหนังนั้นเลือกที่จะเก็บกิมมิกที่ดีของการ์ตูนอย่างน้ำเหม็น ๆ ที่หยดมาจากเพดานเอาไว้ แล้วไปเพิ่มขยายส่วนอื่นให้มีมู้ดโทนที่จริงจังและน่าขนลุกแบบโบราณ ๆ ทั้งการจัดวางเครื่องแต่งกายและจัดแสงราวกับถอดมาจากนิยายภาพของครูเหม เวชกรตำนานนักเล่าผีไทยผู้ล่วงลับ รวมถึงการผสมแนวบอดี้เฮอร์เรอร์ที่ใช้ภาพการบิดหักแปรเปลี่ยนร่างกายของมนุษย์ให้เกิดความสยดสยอง ซึ่งถือว่ากล้าหาญไม่เบาทีเดียวเพราะหนังไทยไม่ค่อยเล่นกับแนวหนังนี้ ยิ่งเอามาผสมกับสไตล์ย้อนยุคไทยด้วยนี่คือแปลกใหม่มาก
ทว่าตัวหนังก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดผิดพลาด เพราะยังพบรอยแหว่งในการรวมเรื่องหลักเรื่องรองแล้วเล่าให้ราบรื่นเป็นเนื้อเดียวกันยังไม่ค่อยจะดีนัก ทว่าถ้ามองข้ามไปนี่ก็เป็นตอนหนึ่งที่มีลายเซ็นผู้สร้างชัดเจนน่าสนใจทีเดียว
5. หัวครูวัยวรรณ
ครูวัยวรรณ คุณครูจอมเฮี้ยบที่ทั้งโรงเรียนเกลียดกลัว วันหนึ่งกลับถูกฆ่าตายเป็นศพไร้หัว เดือดร้อนเด็กนักเรียนสุดดื้อที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับครูวัยวรรณ ต้องไปตามหาหัวที่หายไปมาคืนให้ผีคุณครูที่คอยเดินหาหัวตัวเองไปทั่วโรงเรียน
เอาจริงการนำ ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม มารับบทผีโดยหวังว่าจะต้องออกมาทั้งน่ากลัวและตลกเป็นการเล่นท่าเสี่ยงตายของนักเล่าเรื่องมาก ๆ ดูตอนนี้ไปด้วยใจหวั่น ๆ พอสมควรเพราะในฉบับการ์ตูนนั้นมันสนุกได้เพราะความไม่สมจริงแบบการ์ตูน ความเวอร์เล่นใหญ่และมีอาการเบียวของพวกเด็กมันทำให้น่าติดตาม แต่จะเอามาใช้กับหนังทันทีไม่ได้เพราะเป็นคนละศาสตร์กัน ตรงนี้เราเลยได้เห็นการทำลายกรอบความสมเหตุสมผลแบบจงใจให้รู้ว่าไม่แคร์ไปเลย แล้วจัดมันอยู่ในหมวดหนังเวียร์ด ๆ คัลต์ ๆ ไปแทน ซึ่งทำให้เรายอมรับสิ่งที่มันเล่าได้ง่ายขึ้น รวมถึงการยัดฉากตลกที่ไม่เข้ากับเรื่องในตอนนั้นเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ถูกทำให้ดูเป็นสไตล์ไปได้
แต่แน่นอนว่ามันเสี่ยงตรงที่ถ้าคนดูคนไหนไม่เข้าใจในการวางที่ทางของหนังแบบนี้ มันก็จะเป็นความพัง-ความห่วยของหนังไปทันที สำหรับตอนนี้แนะนำให้ดูทั้งหนังและการ์ตูนได้เลย จะเห็นท่าการเอาตัวรอดของผู้กำกับหนังได้ดียิ่งขึ้น และในส่วนการ์ตูนเองก็สนุกมากเล่าเรื่องได้พอดีและคมกริบกว่า ลายเส้นก็กวนบาทาใช้ได้เลย คุ้มค่าการเสียเวลาแน่นอน
6. สูตรลับร้านป้าจง
ร้านอาหารของโรงเรียนที่ขายดีขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ว่ากันว่าเพราะต้มเล้งของป้าจงมีสูตรลับต้องห้ามอยู่ในหม้อน้ำซุป
เป็นตอนหนึ่งที่คิดว่าไม่น่ายากนักทั้งสำหรับคนทำและคนดู ในส่วนคนทำหนังการดัดแปลงการ์ตูนที่พล็อตตามสูตรเรื่องเล่าสยอง มันทำให้มีพื้นที่ว่างกว้างพอให้เติมนู่นนี่นั่นลงไปได้โดยไม่ออกทะเล คนสร้างจึงใส่ประเด็นของไซเบอร์บูลลี่เข้ามาเป็นแกนเลยซึ่งดีและมีมิติเพิ่มขึ้นให้ตัวละคร น่าเสียดายว่าในการเฉลยหรือสรุปรวบนั้นผู้สร้างยังไม่กล้าบิดไปมากกว่านี้ ทำให้มันเลยเป็นอีกตอนที่คอหนังสยองขวัญคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยมากนัก แต่ก็ยังเหลือมุมน่าสนใจในโปรดักชันที่ดูดีในทางดราม่าธริลเลอร์และให้โอกาสนักแสดงปล่อยของได้เต็มที่ แม้ว่าจะดูปล่อยมากไปทั้งการแสดงและบทจนมันดูเยอะเกินพอดีไปบ้างก็ตาม
7. พรต้องสาป
มีเรื่องเล่าในหมู่เด็กนักเรียนว่าผีครูพยาบาลที่ตึกเก่าจะช่วยให้ใครที่ไปขอพรสมปรารถนาได้ และเวลานี้คือช่วงการสอบสำคัญของเด็กกลุ่มหนึ่งที่ไม่อยากสอบตกและพวกเขาก็มีลูกไล่คนหนึ่งที่ต้องไปขอพรให้แทนพวกเขาแลกกับการไม่ถูกซ้อม
ในฉบับการ์ตูนออกจะธรรมดาไปสักนิด แม้จะมีพล็อตที่ค่อนข้างชัดแต่นำมาเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยดี ในส่วนของซีรีส์จึงทำออกมาได้กลมกล่อมกว่ามากทั้งความสัมพันธ์ของเด็กที่ถูกรังแกกับเด็กคนอื่นในโรงเรียน ฉากตึกเก่าที่ดูน่าขนหัวลุก ฉากการตายที่ติดตาเพราะเลือดแดงฉานเต็มฉาก เป็นตอนที่ทำฉากตายได้น่ากลัวสุดด้วย และผีครูพยาบาลที่ตอนเป็นเงาก็สยองตอนเห็นตัวก็ดูขลังดี (แม้จะคล้ายตัวละครโจ๊กเกอร์ไปหน่อย) ทว่าปัญหาของตัวหนังก็คือมันดูคล้าย ๆ กับตอนก่อนหน้าหลายตอนไปหมดจนกลืนหายไปด้วยกัน
8. เดินล่าท้าผี
เพื่อนสองคน คนหนึ่งเชื่อเรื่องผีอีกคนไม่เชื่อ ทั้งสองเลยนัดกันมาไลฟ์สดเดินสำรวจโรงเรียนช่วงกลางดึกผ่านห้องต่าง ๆ ที่มีตำนานเรื่องผีเล่าอยู่
เป็นตอนที่กลับมาตอกย้ำคอนเซ็ปต์ของซีรีส์ได้ดีและชัดที่สุด การท้าความกล้าของวัยรุ่นด้วยการสำรวจห้องเรียนที่เชื่อว่ามีผีมันคลาสสิกและดูใกล้ตัวมาก บรรยากาศโรงเรียนตอนดึกที่ไร้ผู้คนก็มีความน่ากลัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว โดยตอนนี้ในแบบฉบับการ์ตูนเป็นตอนที่แม้วิธีการหักมุมอาจไม่ได้ใหม่อะไรมาก แต่เอาอยู่หมัด โดยเฉพาะการหลอกล่อคนอ่านที่อาจเดาบทสรุปได้อยู่แล้วแต่ก็ยังต้องสนใจอยู่ดีว่ามันเชื่อมผีเข้ามาตอนไหน
สำหรับตัวซีรีส์ดูจะคิดฟุ้งซ่านมากไปหน่อย และพยายามที่จะหาเอกลักษณ์อะไรสักอย่างให้เป็นผลงานของตนเองชัดขึ้น แต่ตัวบทสรุปหรือแก่นที่เอามาปิดมันดันไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เล่าอิงผีแบบไทย ๆ มาทั้งเรื่องแต่ตอนท้ายไปละม้ายพวกตะวันตกเสียอย่างนั้น เลยดูเสียอรรถรสไปบ้าง และก็ยังมีจุดแปลก ๆ ในระหว่างการเดินทางไปด้วยที่พอเฉลยออกมาแล้วมันก็ไม่สอดรับกับพฤติกรรมบางอย่างของตัวละครก่อนหน้า เป็นตอนที่รู้สึกเสียดายช่วงท้ายที่มันย้วยมาก ถ้าเอาพอดีมือแค่ตามการ์ตูนจบ อาจจะชกตรงเป้ากว่านี้ โรงเรียนผีมีอยู่ว่า 2022
รีวิว school tales
รีวิว school tales กลายเป็นว่าดูจนจบก็ไม่รู้ว่าทีมงานตั้งใจให้ซีรีส์มีเอกภาพหรือเป็นแค่หน้าปกรายงานเดียวกัน แต่ภายในก็ต่างคนต่างทำมารวมเล่มโดยไม่มีการวางแผนแบ่งงานว่าใครจะเขียนอะไร ลำดับหน้าอย่างไร จนกลายเป็นว่ารายงานนี้อาจมีบทที่เนื้อหาซ้ำแค่ต่างที่การเลือกใช้คำ อาจมีบทอภิปรายมาก่อนหน้าคำนำเสียเฉยๆ มีเนื้อหาบางบทที่เอาไปทำเล่มเดี่ยวจะดูดีกว่า และอื่น ๆ
ตรงนี้เชื่อว่าครีเอเตอร์หรือโปรดิวเซอร์ของซีรีส์อาจทำงานในหน้าที่รับผิดชอบน้อยไปสักหน่อย ถ้าวางแผนดี ๆ อย่างน้อยเราจะได้ 8 ตอนที่ต่างรสชาติแต่เสริมส่งกันไปตามลำดับ หรืออาจจะเห็นได้ชัดว่ามันเชื่อมโยงกันอยู่ไม่แง่ของกิมมิกบางอย่าง หรืออย่างน้อยที่สุดคือกราฟอารมณ์ในการดุไล่ตอนไปควรเร่งเร้าดุดันและหยอดพักให้เป็นจังหวะจะโคนกว่านี้ และบางทีตอนสุดท้ายที่เดินล่าท้าผีไปห้องต่าง ๆ อาจเป็นเส้นเรื่องกลางที่ตัวละครพาไปสัมผัสแต่ละตอนในซีรีส์ก็ยังได้เลย อันนี้น่าเสียดายและเสียหายหลายส่วนจริง ๆ โรงเรียนผีมีอยู่ว่า 123
สรุป
ในภาพรวมของซีรีส์แม้จะเป็นโปรเจกต์ที่มีต้นทุนไอเดียที่ชัดเจน มีทีมสร้างที่ไม่ใช่ว่ามากันคนละทิศละทางแต่อยู่คุ้นเคยในค่ายกันทั้งนั้น ทว่าเหมือนต่างคนต่างทำไม่อยากเผยไต๋ให้คนอื่นรู้ แล้วสุดท้ายกลายเป็นว่าหลายมุกที่เลือกใช้มันดันซ้ำทางกัน จนหลายตอนคล้ายกันเกินไปไม่ในแง่ประเด็นที่หยิบจับก็กลวิธีในการหลอกล่อคนดู และยังรู้สึกว่าซีรีส์มันกระจัดกระจายไม่เชื่อมโยงกราฟอารมณ์กันเท่าไรนัก ครั้นจะว่าการใช้เสียงกระซิบที่โผล่มาในหลายตอนคือส่วนที่ซีรีส์เชื่อมโยงกันก็ไม่ใช่อีกเพราะไม่ได้ใช้ทุกตอน แอปพลิเคชันที่ตัวละครใช้ในตอนแรกก็ถูกเอามาย้ำแค่ในตอนสุดท้ายเท่านั้น คือหาจุดร่วมจริง ๆ ทั้งในแง่กิมมิกในตัวเรื่อง หรือจะเป็นธีมร่วมก็ตามได้ยาก
อีกประการคือเราได้เห็นว่าแม้แต่ละตอนจะมีหลายแง่มุม แต่ก็อาจพูดได้ว่า โรงเรียน คือสมรภูมิรบของการเติบโตดี ๆ นี่เอง เด็ก ๆ ของเราต้องไปต่อสู้กับเพื่อน ๆ ที่มีทั้งดีและไม่ดี สู้กับตัวเองว่าจะเป็นตัวเองที่มีความสุขหรือยอมอ่อนน้อมไปตามสายตาที่เพ่งเล็งเพื่อไม่ให้มีความทุกข์ สู้กับจารีต กับกฎระเบียบ กับคุณครูที่มีอำนาจเด็ดขาด ซึ่งลึก ๆ แล้วเหมือนว่าทุกตอนจะนำเสนอในสิ่งนี้แบบไม่ตั้งใจอยู่ และมันก็เป็นเรื่องจริงที่ชวนสยองขวัญสำหรับเด็กในทุกรุ่นอยู่ไม่น้อยที่ได้ค้นพบว่าโรงเรียนไม่ใช่บ้านหลังที่สอง ซ้ำยังไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยในการเติบโตเป้นผู้ใหญ่อย่างที่ฝัน ถ้าความฝันหรือตัวตนนั้นมันไม่พอดีกับเบ้าหลอมที่สังคมต้องการ โรงเรียนผีมีอยู่ว่าเต็มเรื่อง