รีวิว the rings of power
สวัสดีครับ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ได้ดู the rings of power แล้ว ส่วนมากนั้นก็ตามมาจาก ซีรี่ย์แนะนำ ภาพยนตร์ ที่เป็นจักรวาลเดียวกันอย่าง The Lord of the Rings ซึ่งหากจะให้เรียงไทมไลน์ให้ถูกต้องนั้น สปอยซีรี่ย์ ง่าย ๆ ก็คือซี่รี่ย์เรื่องนี้ เกิดก่อน ดูหนังออนไลน์ The lord of the rings เป็นพัน ๆ ปีเลย ดูหนังฟรี ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก สำหรับแฟน ๆ มิดเดิ้ลเอิรธ์ เมื่อมหากาพย์เรื่องดังกำลังกลับคืนสู่จอเล็ก จากเคยเป็นภาพยนตร์ไตรภาคชื่อดังอย่าง ‘The Lord of the Rings’ ที่เล่าเรื่องของโฟรโด สู่ไตรภาคที่ย้อนกลับไปเล่าเรื่องของบิลโบอย่าง ‘The Hobbit’ ปีนี้ คงถึงเวลาต้องย้อนกลับไปอีกครั้งในแบบฉบับซีรีส์ ‘The Lord of the Rings: The Rings of Power’ หรือชื่อไทย ‘เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์: แหวนแห่งอำนาจ’ ที่ฉายให้ชมกันแบบสตรีมมิ่งทาง Amazon Prime Video
The Rings of Power เล่าเรื่องราวยุคก่อนหนัง LOTR หรือ Prequel โดยเดิมพันทุนสร้างสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 465 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 14,500 ล้านบาท นี่คืองบสร้างแค่ซีซั่นแรกเท่านั้น!
รีวิว the rings of power
รีวิว the rings of power นับว่าเปิดตัวได้อลังการและสมศักดิ์ศรีสุดๆ The Lord of the Rings: the Rings of Power Season 1 สำหรับ 2 อีพีแรกของซีรีส์ The Lord of The Rings: The Rings of Power จากค่ายสตรีมมิง Amazon Prime Video ซึ่งได้คะแนนมะเขือเทศสดถึง 100%! จากนักวิจารณ์ชุดแรกบน Rotten Tomatoes (2 ก.ย. 65 คะแนนของนักวิจารณ์ยังอยู่ที่ 83%)
ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความสนใจไปทั่วโลกตั้งแต่ Amazon ประกาศจะสานต่อมหากาพย์แห่งแหวนจากภาพยนตร์ไตรภาคขึ้นหิ้ง The Lord of The Rings ซึ่งดัดแปลงมาจากผลงาน J.R.R. Tolkien ในรูปแบบซีรีส์หลายซีซั่น
สำหรับ 2 อีพีแรกที่เพิ่งปล่อยมาก็ได้กระแสตอบรับจากสื่อและผู้ชมทั่วไปค่อนข้างดี-ดีมาก ส่วนใหญ่ชื่นชมโปรดักชันสุดอลังการ ซึ่งใช้งบสร้างเฉลี่ยตอนละ 58 ล้านดอลลาร์ สำหรับสาวก LOTR และ Tolkien บอกได้เลยว่าแค่ได้เห็นมิดเดิลเอิร์ธกลับมาโลดแล่นบนจออีกครั้ง พร้อมกับตัวละครคุ้นเคยอย่างเอลฟ์สูงศักดิ์ ‘เลดี้กาลาเดรียล’ สมัยสาวๆ ในชุดนักรบ กับ ‘เอลรอนด์’ ในวัยหนุ่มที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ ซึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก ก็คุ้มค่ากับการรอคอยแล้ว
เรื่องย่อ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในหนัง ‘The Hobbit’ และ ‘The Lord of the Rings’ ผลงานของ J.R.R. Tolkien เป็นพันปี บอกเล่าปฐมบทแห่งมัชฌิมโลกหรือ Middle-earth ที่ทุกคนคุ้นหูกัน มันคือช่วงเวลาที่พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ได้ถูกหลอมขึ้นมา หลากอาณาจักรที่ผ่านทั้งรุ่งเรืองและตกต่ำ บททดสอบของฮีโร่ที่ไม่เคยถูกเล่าขาน จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ที่หวนคืน ความมืดมนอนธการที่เข้าปกคลุม ซีรีส์ที่จะพาทุกคนไปพบกับตัวละครใหม่ๆ และอีกหลายชื่อที่คุ้นเคย
หลังสงครามครั้งใหญ่ ผู้คนมากมายล้วนคิดว่าพลังชั่วร้ายแห่งจอมมารได้หมดสิ้นไปแล้ว ทว่ายังมีคนที่คิดเห็นแตกต่าง กาลาเดรียล (Morfydd Clark) เอลฟ์ผู้เชื่อว่าตนผูกพันอยู่กับภารกิจค้นหาเศษซากของจอมมารที่หลงเหลืออยู่ในดินแดนอันห่างไกล หลังฟินร็อดพี่ชายของนางสละชีพไล่ล่าเซารอน ยามนี้จึงถือเป็นการรับช่วงต่อภารกิจ นางไม่เคยหยุดยั้งค้นหาแม้ไร้คนเห็นด้วย ขณะที่แผ่นดินมิดเดิลเอิร์ธกำลังเผชิญกับเหตุประหลาด หลายสิ่งหลายอย่างบังเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน
ซีรีส์เรื่องนี้จะพาเราไปพบกับผู้คนบนดินแดนต่างๆ ทั้งบ้านอันแสนสุขของเหล่าฮอบบิท อาณาจักรในป่าอันงดงามของเหล่าเอลฟ์ ไปจนถึงดินแดนแสนโอ่อ่าของเหล่าคนแคระ เรื่องราวต่างๆ ก่อนการกำเนิดของ ‘แหวนแห่งอำนาจ’ และจอมมารผู้วางแผนยึดครองดินแดน ความมืดมนอนธการกำลังจะหวนคืนสู่มิดเดิลเอิร์ธอีกครั้ง
ความรู้สึกหลังรับชม
สิ่งที่คนดูอย่างเราจะเห็นเด่นชัดจากซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ The ring of Power rotten tomatoes งานออกแบบฉากที่อลังการงานสร้างมากๆ สมกับทุนสร้างที่มหาศาลอยู่ ไม่ว่าาจะเป็นสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของเกาะนูเมนอร์ อาณาจักรที่ค่อนข้างรุ่งเรืองแถมยังร่ำรวยด้วยเทคโนโลยี ไล่ไปถึงทวีปพฤกษาแห่งวาลินอร์ ดินแดนอันเขียวขจีที่เหล่าฮาร์ฟุตอยู่อาศัย ลินดอร์น อาณาจักรของเหล่าเอลฟ์ที่มีต้นไม้สีทองอร่ามตา และรูปปั้นที่เป็นอนุสรณ์แด่ตำนานถูกจากไปทั้งหลาย อาณาจักรเอลฟ์อีกแห่งอย่างเอเรกิออน อาณาจักรคาซัดดูมหรือมอเรียของเหล่าคนแคระ (ที่เรียกว่าได้ว่าอลังการสวยงามเสียจนนึกว่าเมืองเอลฟ์ซะด้วยซ้ำ) ทั้งหมดแทรกไว้ด้วยภาพของแผนที่ ทุกอย่างดูละเอียดลออ มองเห็นถึงความตั้งใจจะทำมาเพื่อกำนัลแด่แฟนของโทลคีนโดยเฉพาะ
รวมถึงฉากหลังของมิดเดิลเอิร์ธ หรือ มัชฌิมโลกในยุคที่ 2 เป็นเรื่องราวหลังการพ่ายแพ้ของจอมอสูรมอร์กอธที่เป็นเจ้านายของเซารอน และยังไม่ได้กำเนิดแหวนทั้ง 20 วงขึ้น แม้มันจะเคยถูกพูดถึงอย่างบางเบามาก ๆ ในแฟรนไชส์หนัง แต่ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องสดใหม่แปลกตาสำหรับผู้ชมที่ไม่ได้เป็นแฟนเดนตายจากหนังสือนัก เอาแค่ว่าปูเรื่องใหม่นี้ถึงจะย่อยให้เข้าใจง่ายมากแล้ว ก็เล่นเอาจำตัวละครเหนื่อย
ฟังดูเหมือนจะไม่มีมนุษย์ แต่เรื่องนี้ก็เล่าถึง เพราะมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สำคัญสำหรับเรื่องราว พวกเขาเคยเข้าร่วมกับมอร์กอธมาก่อน จะไม่มีกล่าวถึงได้ยังไง เซาธ์แลนด์คือดินแดนของพวกเขา แค่อาจจะดูโทรมๆ หน่อยเท่านั้นเอง
รีวิว the rings of power
รีวิวthe rings of power ถ้าพูดในเชิงเปรียบเทียบ The Lord of the Rings IMDb กับ ‘House of the Dragon’ ซึ่งออกมาก่อนและทั้ง 2 เรื่องเป็นเรื่องราวหลายร้อยหลายพันปีก่อนหน้าแฟรนไชส์หลักเหมือนกัน อันพอจะอิงเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้นได้ ต้องบอกว่า ‘The Rings of Power’ ยังมีความบีบเค้นของการเล่าเรื่องให้ติดหนึบน้อยกว่าอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้ง 2 เรื่องต่างใช้ประโยชน์จากจักรวาลที่แข็งแรงในซีรีส์หรือหนังที่เคยฉายมาก่อนหน้า (และอาจรวมถึงหนังสือนิยายที่เป็นที่นิยม) ทำให้ไม่ต้องการคำอธิบายปูมบางอย่างให้มากความ แต่ ‘The Rings of Power’ ใช้จักรวาลจากปลายปากกาของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน (J.R.R. Tolkien) ที่ใหญ่กว่าในเชิงพื้นที่และตัวละคร มันจึงต้องเสียเวลากว่า 2 ตอน รวมเวลากว่า 2 ชั่วโมงไปกับการปูภูมิหลังของตัวละครใหม่ ๆ จำนวนมากกว่าจะครบ
แม้จะดูไม่ค่อยมีอะไรให้ซับซ้อน แต่ผู้กำกับบาโยนาก็ยังเก่งในการฮุกหมัดหนัก ๆ ด้วยฉากเล็ก ๆ ที่กระแทกใจได้ อย่างที่เขาเคยทำในฉากไดโนเสาร์คอยาวร่ำร้องบนเกาะที่กำลังล่มสลายใน ‘Jurassic World: Fallen Kingdom’ (2018) มาแล้ว เราอาจแอบน้ำตาซึมให้กับฉากบอกรักแบบคนปากแข็งของเอลฟ์ผิวดำหรือฉากปรับความเข้าใจระหว่างเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ได้เลย
แต่ข้อดีคือผู้กำกับ เจ.เอ. บาโยนา (J.A. Bayona) จาก ‘The Impossible’ (2012) และ ‘A Monster Calls’ (2016) ซึ่งเขาเด่นในทางดราม่าและไม่เกรงกลัวงานซีจียาก ๆ มากำกับ 2 ตอนแรกก็รู้จุดสำคัญดีว่า ‘The Lord of the Rings’ มันเป็นเรื่องราวเพื่อปลุกหัวใจแห่งการผจญภัยแบบดั้งเดิม โดยมีธีมคลาสสิกอย่างธรรมชนะอธรรมที่อาจเปรียบเปรยถึงธรรมชาติภายในของมนุษย์ได้บ้าง ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปมีบทสนทนาดราม่าเคร่งเครียดหรือมืดหม่นลึกซึ้งอย่างสมัยนิยม แต่ก็รุ่มรวยในภาษาและความงามตามแบบวรรณกรรม
บทสรุป
อย่างไรก็ดี เนื้อเรื่อง ยังไม่ถึงกับมีอะไรใหม่หรือว้าว The Lord of the Rings เดินเรื่องช้า เน้นปูเรื่องท้าวความเพื่อเซอร์วิสฐานแฟนเดิม และถือโอกาสพาแฟนใหม่ไปทำความรู้จักกับเสน่ห์ของโลกใน The Lord of the Rings ซะมากกว่า แต่ก็เป็นไปได้ว่าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นและมีปมน่าติดตามมากขึ้นในอีพีต่อๆ ไป