รีวิว the sandman

รีวิว the sandman

ซีรี่ย์แนะนำ สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิวซีรีย์ netflix ที่กำลังเป็นที่ยอดนิยมอย่างมาก ถึงขึ้นติดอันดับ ซีรีย์ยอดฮิต ใน netflix เลยทีเดียวครับ แต่ตำแหน่งนี้ ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะพล็อตหนัง บทหนัง ชวนให้ติดตามจริงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมอยากจะขอเตือนคนที่กำลังจะดูว่า ระวังติดแหง็ก 555 แน่นอนมีภาพยนตร์จากผลงานของเขาด้วย หลายคนอาจคุ้นเคยกับงานอย่าง ‘Coraline’, ‘American Gods’ และ ‘Stardust’ แต่วันนี้ เราจะมาว่ากันที่ซีรีส์ในบริการเน็ตฟลิกซ์เรื่อง ‘The Sandman’ ผลงานจากคอมิกที่ลือเลื่องที่สุดของเขา

สปอยซีรี่ย์ The Sandman (เดอะ แซนด์แมน) คือ ซีรีส์มหากาพย์ที่กำลังฉายให้ชมบน Netflix มีทั้งหมด 10 อีพี สร้างจากหนังสือการ์ตูนแนะนำที่ได้รับการขนานนามว่า “ปัญญาชนควรอ่าน” อีกทั้งยังกลายเป็นซีรีส์แนวแฟนตาซีที่ถูกยกให้ “ดีที่สุด” แห่งปีเลยทีเดียว ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว the sandman

รีวิว the sandman

รีวิว the sandman ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากตัวละครจากจักรวาล DC Comics ว่าด้วยเรื่องราวของ มอร์เฟียส (ทอม สเตอร์ริดจ์) หรือ เทพแห่งความฝัน เขาเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนแห่งความฝัน อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ถูกมนุษย์คนหนึ่งอัญเชิญไปยังโลกมนุษย์ เขาถูกขโมยของสำคัญไป 3 ชิ้น ได้แก่ ทับทิม หน้ากาก และทราย เขาถูกจับขังไว้ในโลกมนุษย์ ซึ่งผลกระทบจากการที่เขาไม่อยู่ในดินแดนแห่งความฝันก็คือ มีมนุษย์หลายล้านคนทั่วโลกไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ เพราะติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน มอร์เฟียสที่ไร้พลังเพราะถูกแย่งชิงของสำคัญไปจึงไม่สามารถหนีไปได้ เขาถูกขังยาวนานเกือบ 100 ปี กว่าที่จะหาโอกาสเหมาะหลบหนีออกมาได้ แต่เมื่อออกมาได้เขาก็ต้องออกไปตามหาของสำคัญ 3 ชิ้นของเขาคืน ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร เขาจะหาของสำคัญของเขาเจอหรือไม่ ทุกคนต้องไปดูด้วยตาตัวเอง The Sandman (เดอะ แซนด์แมน) มีทั้งหมด 10 ตอน รับชมได้แล้ววันนี้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix

เรื่องย่อ

รีวิว the sandman

ปี 1916 ผู้ศึกษาอาคมในอังกฤษรวมตัวกันอัญเชิญ มรณะ เทพแห่งความตายมากักขังเพื่อจะได้ขู่บังคับให้ฟื้นชีพผู้เป็นที่รักกลับมา หากแต่ความผิดพลาดได้ทำให้เทพอีกตนถูกกักขังไว้แทน นั่นคือ นิมิต เทพแห่งความฝันเมื่อเหล่าจอมอาคมไม่ได้สิ่งที่ต้องการจึงฉกชิงอาวุธของนิมิตเอามาใช้ประโยชน์แทน โลกทั้งใบเมื่อไร้ความฝันก็ทำให้บางคนไม่อาจหลับและบางคนไม่อาจตื่น และที่สำคัญเมื่อไร้ผู้ปกครองเหล่าปีศาจความฝันจึงหนีออกมายังโลกมนุษย์ด้วย โดยเฉพาะฝันร้ายนาม โครินเธียน ผู้ชื่นชอบการฆ่าคน เป็นหน้าที่ของนิมิตหรือแซนด์แมนที่ต้องหาทางหนีจากการคุมขังและรักษาสมดุลของโลกอีกครั้ง the sandman ซับไทย

ความรู้สึกหลังดู the sandman

รีวิว the sandman

บอกก่อนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะมีการสอดแทรกปรัญชาต่างๆ มาให้เราได้ขบคิดบ้างระหว่างทาง ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกเบื่อได้ ซีรีส์เรื่องนี้เน้นเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ ติดตามเรื่องราวการเดินทางของมอร์เฟียส ที่เริ่มจากการเป็นเทพที่ไม่สนอะไรนอกจากกฎระเบียบ พอเริ่มเข้าใจมนุษย์มากขึ้นเขาก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บอกก่อนเลยว่าส่วนตัวผมค่อนข้างชอบซีรีส์เรื่องนี้พอสมควร บทเขียนมาค่อนข้างดีเลย มีหลายไดอะล็อกที่น่าขบคิดตามว่าแท้จริงแล้วเขาจะสื่ออะไร

อย่างฉากการต่อสู้ของพระเอกกับลูซิเฟอร์ ก็เป็นอะไรที่ออกมาเกินความคาดหมายมาก คิดว่าจะต่อสู้กันแบบบู๊แหลก แต่กลับกลายเป็นว่าสู้กันทางความคิดและโต้วาที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉากนี้น่าจดจำ ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ส่วนตัวผมมองว่าทำได้ดี วางปมท้ายตอนไว้น่าติดตามทุกตอน ทำให้รู้สึกอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนต่อไป รู้ตัวอีกทีก็คือรวดเเดียวจบไปแล้ว ฮ่าๆๆ

ต่อมาด้านการแสดง ในส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยมเลย แคสต์นักแสดงมาดีทุกคน นักแสดงทุกคนแสดงดีกันหมด ยิ่งเหล่าตัวละครเทพนี่แสดงดีและมีเอกลักษณ์กันทุกคนเลย แต่ตัวละครที่ผมชอบจริงๆ ก็คงมีไม่กี่คน ที่โดดเด่นสุดก็คงหนีไม่พ้นพระเอกที่แสดงโดย ทอม สเตอร์ริดจ์ เฮียแกแสดงได้ดีมาก ทำให้ตัวละครนี้ดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นกอง หน้าตาที่ดูเรียบเฉย พูดน้อย สุขุมนุ่มลึก แต่ลึกๆ ก็เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน ซึ่งเขาแสดงออกผ่านทางสายตา ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีหมดทุกคน อีกอย่าง เรื่องนี้มีการสอดแทรกเรื่อง LGBTQ+ ด้วย โดยส่วนตัวผมไม่ได้ติดอะไรกับเรื่องนี้มากนัก แต่บางคนก็บอกว่ามันเยอะจนเหมือนยัดเยียด ซึ่งในซีรีส์ก็ยัดมาเยอะจริงๆ แหละ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย ต้องลองดูเอง The Sandman ดูหนัง

รีวิว the sandman

รีวิว the sandman ในช่วงต้นของซีรีส์จะเล่าถึง ‘ดรีม’ ปีศาจผู้ครอบครองอาณาจักรแห่งความฝันของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล (ไม่เว้นแม้แต่ในนรก) เขาคือผู้ที่มีอำนาจมากในความฝันของผู้อื่น สามารถดลบันดาลทุกสิ่งใดตามใจปรารถนาขอเพียงผู้นั้นหลับฝัน แต่ทุกอย่างกำลังจะพังทลายเพียงเพราะการถูกจับขังไว้ในกรงแก้วทรงกลม สุดท้าย เขาปิดวาจาและรอคอยเรื่อยมาจนถึงวันนั้น แต่สิ่งที่เขาได้กลับออกมาพบกลับเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่เปลี่ยวร้างและทรุดโทรม ทั้งอีควิปเมนต์คู่กายทั้งสามก็ยังถูกขโมยจนกระจัดกระจายไปด้วย

แม้แรกๆ อาจทำให้ผมรู้สึกเฉยๆ แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็เริ่มมีบางอย่างที่พาให้รู้สึกว่ามันน่าสนใจ อย่างเช่น การต่อสู้เชิงจินตนาการและเวทย์มนตร์ในขุมนรกของ ดรีม กับ ลูซิเฟอร์ มอร์นิงสตาร์ (ที่แสดงโดย Gwendoline Christie คนที่เล่นเป็น Brienne of Tarth ในซีรีส์ ‘Game of Thrones’ นั่นแหละครับ) หลังจากนั้น ก็เหมือนดรีมจะพาเราเดินทางพบเจอกับสถานการณ์ใหม่ๆ อย่างในตอนที่ 5 ที่เซ็ตทุกอย่างไว้ในสถานที่แห่งเดียว ร้านอาหารแห่งนั้นที่เกิดเหตุการณ์บางอย่าง บทที่เขียนเอาไว้อย่างแยบยล หรืออย่างตอนที่ 6 ที่ใช้การเล่าที่เปลี่ยนผ่านไปทุก 100 ปี ที่ทำให้มองเห็นสภาพของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลง บริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป กับใจคนผู้ไม่เคยคิดอยากตาย

ยิ่งเรื่องราวดำเนินผ่านไป ผู้ชมจะยิ่งได้พบและรู้จักกับพี่น้องของดรีมมากขึ้นเรื่อยๆ ได้มองเห็นลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไปของแต่ละตัวละคร โดยเฉพาะ ‘เดธ’ (Kirby Howell-Baptiste) ที่มาในรูปของผู้หญิงผิวดำท่าทางเป็นมิตร หรืออย่าง ‘ดีไซเออร์’ (Mason Alexander Park) ที่มาในร่างของชายผิวขาวผู้มีลักษณะ LGBTQ+ เอาเข้าจริง เรื่องราวใน ‘เดอะ แซนด์แมน’ ก็มีตัวละครอยู่หลายตัวเลยทีเดียวที่มีลักษณะแบบนั้น ซึ่งส่วนตัวผมก็มองว่า ปีศาจหรือเทพจะเป็นเพศใดก็ได้ทั้งนั้น ความรักก็เช่นกัน จะปีศาจหรือมนุษย์จะรักกับเพศใดก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพศสภาพเป็นเพียงสิ่งที่ยีนกำหนด ส่วนลักษณะของเทพและปีศาจอาจจะไม่มีเพศที่แน่นอนตายตัวอยู่ก่อนแล้วก็ได้เช่นกัน the sandman พากย์ไทย

สรุปซีรีย์ the sandman

ถ้าเรามองกันถึงด้านงานภาพแล้ว ต้องบอกว่าน่าชื่นชมในด้านการจัดองค์ประกอบฉาก หลายตอนนี่เล่นเอาหลายยุคหลายสมัยมาใส่เข้าด้วยกัน บางตอนก็ไปเล่นกันที่นรก บางตอนเน้นฉากอาณาจักรแห่งความฝัน ซึ่งก็พบว่าแม้ส่วนใหญ่ งานซีจีจะค่อนข้างดีแต่ก็ยังพอมีบางส่วนที่ยังไม่เนียนเท่าไหร่ โดยรวมก็ยังถือว่าผ่าน ขณะที่ดนตรีประกอบก็นับว่าไม่เลว ช่วยส่งเสริมงานภาพได้ดีพอสมควร แต่ที่โดดเด่นคงเป็นเรื่องงานบทเสียมากกว่าซึ่งก็เป็นเพราะได้วัตถุดิบที่ดีอยู่ก่อนแล้วนั่นเอง

เรื่องราวในช่วงที่เหลือนั้นสำหรับผมมองว่าน่าสนใจยิ่งกว่าการตามหาอีควิปเมนต์ทั้งสามสิ่งนั่นเสียอีก มันมีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน ทั้งยังมีลักษณะการเล่าที่เฉพาะตัว เหมือนเป็นการเดินทางของปีศาจหรือเทพสักตนหนึ่งที่พยายามเข้าใจโลกของมนุษย์ เรียนรู้จากด้านมืดของพวกเรา ที่มีทั้งความละโมภอยากได้ไม่รู้จบ รักจนมุ่งหมายสิ่งที่รักกลับคืน อารมณ์ต่างๆ ที่ชักพาสู่บาปและความเลวร้าย ขณะเดียวกันก็เข้าใจโลกของตนเองไปพร้อมกันด้วย

ท้ายที่สุดคือด้านงานภาพและโปรดักชั่น งานภาพของเรื่องนี้ออกมาดีมากๆ ดูรู้เลยว่าตั้งใจทำกันมากจริงๆ มุมกล้องต่างๆ รวมถึงงานซีจีที่ออกมานี่สวยงามมาก เกินความคาดหมายไปพอสมควรเลย เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะทำงานซีจีออกมาละเอียดและสวยงามขนาดนี้ เพราะนี่เป็นซีรีส์ แต่กลับกลายเป็นว่างานที่ออกมามันสวยพอๆ กับหนังที่ฉายในโรงเลย ต่อมาด้านโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็จัดเต็มเช่นเดียวกัน เสื้อผ้าหน้าผมนักแสดง โลเคชั่นฉากหลัง เพลงประกอบ การลำดับเสียง ทุกอย่างทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

ในส่วนของงานภาพและโปรดักชั่นนี่ไม่มีอะไรจะติเลยจริงๆ สรุปโดยรวมคือ เป็นซีรีส์ที่ดีและสนุกเรื่องนึง โดยเฉพาะ 5 ตอนแรกนี่เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆ ส่วนตอนหลังๆ ที่เหลือนี่แล้วแต่คนชอบเลยจริงๆ ถ้าคนที่อยากดูซีรีส์สนุกตื่นเต้นเบาสมอง อาจจะไม่ค่อยชอบตอนท้ายๆ แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องไปดูและพิจารณากันเอง สุดท้ายนี้ผมขอให้คะแนนซีรีส์ The Sandman (เดอะ แซนด์แมน) ไว้ที่ 9/10 คะแนน The Sandman (2022 พากย์ไทย)

ชื่อเรื่อง : The Sandman (เดอะ แซนด์แมน
แนว : ไซไฟ, ลึกลับ, ดัดแปลงมาจากหนังการ์ตูน
ความยาว : 10 ตอน
ระบบเสียง : เสียงไทยและบรรยายไทย
ช่องทางการรับชม : Netflix
คะแนน : 8/10

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *